แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 43
1
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


2
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


3
อาการของผู้ป่วยที่เป็นโรคไต

ด้วยเหตุที่โรคไตมีหลายชนิด อาการของผู้ป่วยจึงมีความแตกต่างกันไป และโรคไตยังสามารถแบ่งแยกย่อยได้อีกตามลักษณะอาการและตำแหน่งที่มีปัญหา อย่างเช่น กรวยไตอักเสบ ไตวายเรื้อรัง ไตวายเฉียบพลัน เนื้อเยื่อไตอักเสบ และนิ่วในไต เป็นต้น

แต่ถ้าพูดถึงอาการโรคไต จะมีกลุ่มอาการ 2 ชนิดที่พบมากที่สุด ได้แก่ ไตวายเฉียบพลัน และไตวายเรื้อรัง โดยเฉพาะอาการไตวายเรื้อรังนั้น ทางการแพทย์ถือว่าเป็นฆาตรกรเงียบเลยทีเดียว เนื่องจากโรคนี้มักจะไม่แสดงอาการในช่วงแรกเริ่ม แต่จะเริ่มมีอาการเมื่อตอนที่ไตเสียหายไปพอสมควรแล้ว


รู้จักอาการโรคไตที่พบบ่อย

เนื่องด้วยสาเหตุที่เป็นโรคไตมีหลายชนิด อาการโรคไตของผู้ป่วยแต่ละคน จึงมีลักษณะแตกต่างกัน ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงกลุ่มอาการ 2 ชนิดที่พบมากที่สุด ได้แก่ โรคไตวายเฉียบพลัน และ โรคไตวายเรื้อรัง

    โรคไตวายเฉียบพลัน คือ ไตสูญเสียการทำงานอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเป็นชั่วโมง เป็นวัน หรือเป็นสัปดาห์ เกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น เกิดภาวะช็อกจากการเสียน้ำหรือเลือดเป็นจำนวนมาก การติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง หรือได้รับสารพิษหรือผลข้างเคียงจากยา ผู้ป่วยจะมีอาการแสดงตั้งแต่เริ่มแรกทั้งๆที่ไตยังไม่เสื่อม เช่น ผู้ป่วยจะมีอาการบวม ปัสสาวะสีน้ำล้างเนื้อ ตรวจปัสสาวะจะพบเม็ดโลหิตแดง และโปรตีนไข่ขาวปนออกมาในปัสสาวะด้วย และหากตรวจวัดความดันโลหิตจะพบว่ามีความดันโลหิตสูงผิดปกติ อาการผิดปกติเหล่านี้จะแสดงออกมาให้เห็นในระยะแรกๆ ตั้งแต่เริ่มเป็น ภาวะไตวายเฉียบพลันมีอันตรายถึงชีวิตได้ แต่หากมาพบแพทย์และรักษาอย่างทันท่วงที เนื้อไตและการทำงานของไตก็อาจสามารถกลับฟื้นคืนเป็นปกติได้เช่นกัน

    โรคไตวายเรื้อรัง คือ เนื้อไตจะถูกทำลายไปทีละน้อยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาแรมเดือน แรมปี เกิดจากภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่นๆ เช่น โรคไตที่เกิดจากเบาหวาน โรคไตที่เกิดจากความดันโลหิตสูง โรคไตที่เกิดจากเกาท์ ฯลฯ ในระยะแรกผู้ป่วยจะไม่แสดงอาการผิดปกติออกมาให้เห็นเลยโดยผู้ป่วยจะมีความเป็นอยู่ ดำเนินชีวิตเหมือนคนปกติทุกอย่างเป็นเวลาหลายๆ ปี ระหว่างนี้ถ้าผู้ป่วยมาตรวจร่างกาย แพทย์ก็อาจจะไม่พบความผิดปกติใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นถ้าตรวจปัสสาวะจะพบเม็ดเลือดแดงและโปรตีนไข่ขาวปนออกมาในปัสสาวะด้วย จนในที่สุดการทำงานของไตเหลือเพียงร้อยละ 25 หรือหนึ่งในสี่ของปกติ จะเริ่มมีอาการโรคไตแสดงออกมาให้เห็นบ้าง และถ้าการทำงานของไตเสื่อมลงเหลือต่ำกว่าร้อยละ 10 ของปกติ ผู้ป่วยจะมีอาการแสดงออกมาชัดเจนทุกราย


อาการโรคไต และผลกระทบต่อระบบต่างๆ

อาการต่างๆ ที่สังเกตได้ ว่าไตของเรากำลังมีปัญหา เพราะเมื่อไตทำงานได้ไม่ปกติ ร่างกายขับของเสียได้ไม่มีประสิทธิภาพ จะส่งผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย และท้ายที่สุดหากการทำงานของไตเหลือเพียงร้อยละ 25 ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการต่างๆให้พอสังเกตได้ ดังนี้

    สภาพทั่วๆไป ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย อ่อนแรง อิดโรย เหนื่อยง่าย หงุดหงิดง่าย หรือผู้ป่วยโรคไตบางรายอาจจะซูบผอมเนื่องจากน้ำหนักที่ลดลง ในทางตรงกันข้ามโรคไตบางชนิดอาจทำให้ผู้ป่วยตัวบวม ขาบวมร่วมกับมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นระบบผิวหนัง ผู้ป่วยจะมีผิวหนังซีด แห้งคัน มีจ้ำเลือดเกิดขึ้นง่าย ผิวหนังแตกแห้ง เป็นแผลแล้ว
    หายช้า หรือผู้ป่วยบางรายจะมีผิวหนังตกสะเก็ดดำคล้ำกว่าปกติ
    ระบบทางเดินอาหาร ผู้ป่วยจะมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปากขม ไม่สามารถรับรสอาหารได้ สะอึก ปวดท้อง ท้องเดิน เลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ เป็นแผลในกระเพาะและลำไส้
    ระบบหัวใจและการหายใจ ถ้าไตทำงานได้น้อยลงจนขับปัสสาวะและเกลือแร่ไม่ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการบวมทำให้หัวใจทำงานไม่ไหว และมีอาการเหนื่อยง่าย นอนราบแล้วหายใจลำบาก ความดันโลหิตสูง หัวใจโต กล้ามเนื้อหัวใจเสื่อมสภาพ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ อาจเกิดภาวะน้ำคั่งในเยื่อหุ้มหัวใจ น้ำคั่งในปอด ปอดบวม ทำให้หายใจไม่ออก ไอเป็นเลือด
    ด้านระบบประสาท สมองและกล้ามเนื้อ ผู้ป่วยจะมีอาการปลายประสาทเสื่อม ทำให้มือเท้าชา ปวดหลังบริเวณบั้นเอว กล้ามเนื้อกระตุก เป็นตะคริวและกล้ามเนื้ออ่อนแรง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ขาดสมาธิ สมองเสื่อม ไม่สามารถคิดและจดจำได้เหมือนปกติ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีในที่สุดอาจมีอาการชัก หมดสติ หรือเสียใจชีวิตได้
    ระบบกระดูก เนื่องจากไตสูญเสียหน้าที่ในการสังเคราะห์วิตามินดี มีผลทำให้ระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ เกิดภาวะกระดูกพรุน แตกหักง่าย ในผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคไตวายจะหยุดเจริญเติบโตและแคระแกร็น
    ระบบทางเดินปัสสาวะ ผู้ป่วยที่มีไตวายระยะเริ่มแรก ในตอนกลางคืนจะปัสสาวะบ่อยและมีสีจาง จนที่สุดเมื่อการทำงานของไตเสื่อมลงหรือไตวาย ผู้ป่วยจะมีปัสสาวะออกน้อยมาก
    ระบบโลหิต ผู้ป่วยทุกรายเมื่อไตเสื่อมลง เข้าภาวะโรคไตวายระยะสุดท้าย จะผลิตฮอร์โมนไปกระตุ้นไขกระดูกให้สร้างเม็ดเลือดแดงได้น้อยลง ทำให้โลหิตจาง ผู้ป่วยทุกรายเมื่อไตเสื่อมลง จะมีอาการซีด และมีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือดผิดปกติ เป็นสาเหตุให้มีเลือดออกง่าย เลือดไหลไม่หยุด และมีจ้ำเลือดขึ้นตามตัวได้ง่าย
    ระบบภูมิต้านทานโรค โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคไตวายมักจะมีภูมิต้านทานโรคต่ำ เป็นสาเหตุให้ติดเชื้อได้ง่าย
    ระบบฮอร์โมนอื่นๆ ในร่างกายผู้ป่วยโรคไตวาย มักจะมีการทำงานที่ผิดปกติของฮอร์โมนเกือบทุกชนิด ทั้งฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง จากต่อมไธรอยด์ จากต่อมพาราไธรอยด์ จากต่อมหมวกไต ฮอร์โมนจากรังไข่เพศหญิง ทำให้ประจำเดือนผิดปกติ หรือฮอร์โมนจากลูกอัณฑะในเพศชาย ทำให้เป็นหมันและเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ


การวินิจฉัย รู้ทันอาการโรคไต

เมื่อเราสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นแล้ว เกิดความกังวลใจว่าอาการเหล่านี้อาจจะเกี่ยวข้องกับโรตไตหรือไม่นั้น ควรมาพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

    ตรวจปัสสาวะ ถ้ามีภาวะผิดปกติของไต ปัสสาวะจะมีโปรตีนและเม็ดเลือดแดงปนมากับปัสสาวะ
    ตรวจเลือด ถ้ามีภาวะผิดปกติของไต ปริมาณไนโตรเจน กรดยูริก (Blood Nitrogen Urea, BUN) และ ครีเอตินิน (Creatinine, Cr) ที่เป็นของเสียจากกล้ามเนื้อจะตกค้างในเลือดสูงกว่าปกติ และนำผลเลือดที่ได้นี้มาใช้ในการประเมินค่าการทำงานของไตหรือ GFR (glomerular filtration rate) ในลำดับต่อไป
    การตรวจอัลตราซาวด์ (Ultrasound) และ การเอกซเรย์ด้วยคอมพิวเตอร์ (CT scan) ถ้ามีความผิดปกติของไตและระบบทางเดินปัสสาวะ แพทย์สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนร่วมกับการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ


สรุป

โรคไตในแต่ละประเภทนั้น อาการของผู้ป่วยอาจจะมีลักษณะแตกต่างกัน ตามโรคไตในแต่ละประเภท โดยอาการโรคไตวายเรื้อรังค่อนข้างจะซ่อนเร้น ค่อยๆ กำเริบมากขึ้นโดยที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวหรือไม่มีอาการ บางครั้งแฝงมากับโรคอื่นอย่างลับๆ บางครั้งตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจปัสสาวะ หรือตรวจเลือด จึงทำให้ผู้ป่วยโรคไตจำนวนมากไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคไต เมื่อมีอาการก็มักจะมาพบแพทย์ซึ่งสายเกินไปเสียแล้วเพราะไตของผู้ป่วยเสียมากจนเกินความสามารถที่แพทย์จะรักษาให้หายเป็นปกติได้

4
จัดฟันบางนา: อันตราย จากการจัดฟันแฟชั่น

ในปัจจุบันการจัดฟัน ถือเป็นการทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมาก เพราะการจัดฟันสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้แทบทุกกรณีไม่ว่าจะเป็น ฟันยื่น ฟันซ้อน ฟันเก หรือปัญหาฟันห่าง ฟันล้ม นอกจากจะเป็นการแก้ไขปัญหาฟันได้แล้ว การจัดฟัน ยังถือเป็นเทรนด์ยอดฮิตในกลุ่มวัยรุ่นที่มักจะเข้ารับการจัดฟัน เพื่อให้มีเสน่ห์หรือช่วยทำให้รู้สึกมั่นใจได้ และการจัดฟันยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของเราให้ดีขึ้นได้อีกด้วย

แต่ในปัจจุบันด้วยความที่การจัดฟันเป็นที่นิยมมาก จึงทำให้มีการจัดฟันแฟชั่นเกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อช่องปากและฟันเป็นอย่างมาก นอกจากจะไม่ช่วยแก้ไขปัญหาฟันแล้ว ยังส่งผลเสียและทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพฟันอีกด้วย และวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงอันตรายจากการจัดฟันแฟชั่น เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงการจัดฟันอย่างถูกต้องเพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยส่งเสริมสุขภาพช่องปากและฟันอีกด้วย

สำหรับการจัดฟันแฟชั่น  เป็นการนำเครื่องมือไปติดในช่องปากเพื่อเลียนแบบการจัดฟันที่ทำโดยทันตแพทย์ แต่ไม่ได้ใช้เครื่องมือที่มีคุณภาพและไม่ได้ผ่านขั้นตอนการจัดฟันที่ถูกต้องจากทันตแพทย์ ซึ่งการติดเหล็กจัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่ถูกสุขอนามัยจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปากตามมา เช่น เป็นแผลในช่องปาก ฟันผุ มีกลิ่นปาก หรือติดเชื้อ เป็นต้น  เพราะการที่เราเข้ารับการจัดฟันแฟชั่นไม่ได้ทำโดยทันตแพทย์ จึงทำให้มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดปัญหาตามมา สำหรับเหตุผลที่หลายคนเลือกหันไปจัดฟันแฟชั่น อาจจะเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการจัดฟันค่อนข้างสูง

หลายคนจึงเลือกใช้วัสดุจัดฟันที่ทำขึ้นมาเลียนแบบซึ่งอาจหาซื้อได้ง่าย โดยการจัดฟันแฟชั่นที่พบได้ทั่วไปมีหลายลักษณะ ร้านจัดฟันแฟชั่นบางแห่งอาจใช้เครื่องมือแบบติดแน่นเป็นโลหะทรงสี่เหลี่ยมที่มีร่องสำหรับใส่ลวดและคล้องยางสีต่างๆ คล้ายอุปกรณ์จัดฟันจริง กระทั่งใช้อุปกรณ์แบบถอดได้ที่มีลักษณะคล้ายเครื่องมือคงสภาพฟันหลังการจัดฟัน หรืออาจดัดแปลงวัสดุใช้งานทั่วไปที่ไม่ใช่อุปกรณ์ทางทันตกรรมมาใช้จัดฟัน ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดและเป็นอันตรายมาก  เพราะผู้ที่ทำการจัดฟันแฟชั่น ส่วนใหญ่จะไม่มีความรู้ทางทันตกรรม โดยอาจไม่เตรียมความพร้อมในช่องปากให้ผู้เข้ารับการรักษาก่อนจัดฟัน เช่น ไม่อุดฟันซี่ที่ผุ ไม่ขูดหินปูน เป็นต้น และอุปกรณ์หรือวัสดุจัดฟันที่ใช้ก็อาจไม่สะอาด ไม่มีคุณภาพ หรือไม่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปากตามมาได้ในอนาคต

ซึ่งอันตรายที่มากับการจัดฟันแฟชั่น อาจจะส่งผลให้ผู้เข้ารับการจัดฟันแฟชั่นเกิดโรคฟันผุ เหงือกอักเสบ มีกลิ่นปาก เนื่องจากการจัดฟันแฟชั่น เป็นการติดตั้งเครื่องมือจัดฟันที่คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน จะทำให้เราทำความสะอาดช่องปากลำบากและผิดวิธี เมื่อแปรงฟันไม่สะอาด มีเศษอาหารสะสม จึงเกิดปัญหาฟันผุและเหงือกอักเสบบวมแดงตามมา ซึ่งปัญหาฟันผุนี้ยังทำให้มีกลิ่นปากได้อีกด้วย นอกจากนี้ เหล็กจัดฟันที่นำมาใช้ในการจัดฟันแฟชั่น ยังเป็นเพียงลวดธรรมดา ซึ่งหากใช้ไปนานๆ อาจจะขึ้นสนิมได้ และถ้าหากลวดที่ใช้อาจกดหรือทิ่มเหงือก ทำให้เกิดแผลที่กระพุ้งแก้ม แผลในช่องปากแบบเรื้อรังและอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อ ส่งผลไปถึงสุขภาพโดยรวมได้

ดังนั้นหากคุณสนใจเข้ารับการจัดฟันหรืออยากแก้ไขปัญหาฟันด้วยการจัดฟัน ควรที่จะเข้ามาปรึกษาทันตแพทย์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญโดยตรง เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพราะถ้าหากเราเลือกจัดฟันแบบแฟชั่น และใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน จะทำให้เกิดปัญหามาได้อีกมากมาย ทางคลินิกเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ มีความมั่นใจ อย่างไรก็ตาม ควรจะทำความสะอาดช่องปากและฟันให้ดี และถ้าหากเข้ารับการจัดฟัน สามารถปรึกษาทีมทันตแพทย์ของทางคลินิกได้ เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีวามเชี่ยวชาญ ผ่านการรับรองทางด้านทันตกรรม จึงทำให้มั่นใจได้ว่า คุณจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

5
ปล่อยรถราคาพิเศษ Mazda 2 1.3 S LEATHER ปี 2023 รถทดลองขับ ไมล์น้อย มีโปรโมชั่นพิเศษมากมมาย

Mazda 2 1.3 S Leather ปี 2023
Mazda 2 1.3 S Leather ปี 2023 เป็นหนึ่งในรุ่นย่อยของ Mazda 2 (DJ Series) ที่ได้รับความนิยมในตลาดประเทศไทย ด้วยดีไซน์ KODO Design อันเป็นเอกลักษณ์ และภายในห้องโดยสารที่เน้นความพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงได้ รุ่น S Leather นี้โดดเด่นด้วยการตกแต่งภายในที่ยกระดับขึ้น โดยเฉพาะการใช้วัสดุหนัง

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 9 มิ.ย. - 30 มิ.ย. 2568

ราคาพิเศษ 439,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

สมรรถนะเครื่องยนต์ Skyactiv-G 1.3:

เครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G 4 สูบ ขนาด 1.3 ลิตร
กำลังสูงสุด: 93 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด: 123 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Skyactiv-Drive 6 สปีด
ระบบประหยัดพลังงาน i-Stop (Idle Stop System)
ระบบ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ช่วยเพิ่มเสถียรภาพการขับขี่ในทางโค้ง
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยประมาณ 23.3 กม./ลิตร (ตาม ECO Sticker) ถือว่าประหยัดน้ำมันมาก


6
บริหารจัดการอาคาร: ความสำคัญของระบบสุขาภิบาลมีความจำเป็นและสำคัญของอย่างไรต่อตัวอาคารสถานที่

โดยปกติแล้วในอาคารสูงทั่วๆไป มักจะมีถังเก็บน้ำบนชั้นดาดฟ้า หรือเกือบสูงสุดของอาคาร ทำหน้าที่จ่ายน้ำลงมายังชั้นล่างๆ โดยอาศัยแรงดึงดูดของโลกทำให้น้ำที่ไหลลงมีแรงดันเพิ่มขึ้นตามระดับความสูงของอาคารนั้นๆ ชั้นล่างสุดแรงดันน้ำจะสูงกว่าชั้นบนที่อยู่ติดกับถังเก็บน้ำ ดังนั้น ในกรณีที่ต้องการให้ชั้นบนมีแรงดันน้ำเพิ่มขึ้นจึงต้องอาศัยปั๊มน้ำเข้ามาช่วยเสริมแรงดัน หรือที่เรียกว่าบูสเตอร์ปั๊ม

ส่วนชั้นล่างสุดหากมีแรงดันน้ำที่สูงเกินไป ก็จะต้องน้ำวาล์วลดแรงดันเข้ามาช่วย เพื่อไม่ให้แรงดันน้ำสูงเกินไปจนใช้งานลำบากหรือป้องกันท่อส่งน้ำแตก นอกจากนี้ ระบบน้ำยังต้องมีการจัดการด้วยระบบสุขาภิบาล ซึ่งมีความสำคัญต่อตัวอาคารในแง่การจัดการระบบน้ำภายใน และภายนอกอาคารทุกรูปแบบให้เป็นสัดส่วน

ง่ายต่อการบำรุงรักษา และทำให้ผู้อาศัยสามารถใช้งานได้สะดวก และมีความปลอดภัยไม่เป็นอันตรายช่วยส่งเสริมสุขอนามัยที่ดีในการอยู่อาศัยด้วย ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่ค่อยทราบข้อมูลนี้เท่าไหร่ หากไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำระบบน้ำภายในอาคาร ซึ่งวันนี้ทางเราจะมาพูดถึงเรื่องของความสำคัญของระบบสุขาภิบาลว่ามีความจำเป็นและสำคัญของอย่างไรต่อตัวอาคารสถานที่

 ซึ่งระบบสุขาภิบาลนั้น ถือได้ว่ามีความสำคัญต่อตัวอาคารในแง่การจัดการระบบน้ำภายใน โดยตามมาตรฐานการออกแบบที่ใช้ในระดับสากล แบ่งออกได้ 7 ระบบ ได้แก่ ระบบน้ำดี หรือน้ำประปา คือ ระบบท่อที่ใช้งานในการลำเลียงน้ำสะอาดไปใช้งานตามจุดต่างๆ ภายในอาคาร เช่น ระบบน้ำประปาสำหรับห้องน้ำ ห้องครัว ห้องซักล้าง หรือ ระบบน้ำดับเพลิงภายในอาคาร ,ระบบระบายน้ำโสโครก คือ ระบบท่อที่นำน้ำเสียที่ถูกใช้งานจากโถส้วม หรือโถปัสสาวะออกจากพื้นที่และนำเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียก่อนระบายออกนอกอาคาร, ระบบระบายน้ำทิ้ง คือ ระบบท่อที่นำน้ำเสียที่ถูกใช้งานจากกิจกรรมอื่นๆ ออกจากพื้นที่ และนำเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียก่อนระบายออกนอกอาคาร, ระบบบำบัดน้ำเสีย คือ ระบบที่ใช้บำบัดน้ำจากการใช้งานภายในอาคาร ให้มีค่าดัชนีวัดค่าคุณสมบัติต่างๆของน้ำ ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดก่อนระบายออกสู่ระบบระบายน้ำสาธารณะ ,ระบบท่อระบายอากาศ คือ ระบบท่อที่จะติดตั้งเข้ากับระบบท่อระบายน้ำ

เพื่อป้องกันปัญหาสุญญกาศในเส้นท่อระบายน้ำ ซึ่งจะทำให้ระบบระบายน้ำในเส้นท่อสามารถระบายน้ำได้สะดวก ,ระบบท่อระบายน้ำฝน เป็นระบบท่อที่ทำหน้าที่ลำเลียงน้ำฝนที่เกิดขึ้นกรณีฝนตกออกจากตัวอาคาร และสุดท้ายก็คือ ระบบระบายน้ำภายนอกอาคาร ซึ่งเป็นระบบท่อระบายน้ำบริเวณโดยรอบของอาคาร ทำหน้าที่ลำเลียงน้ำออกจากบริเวณอาคารเข้าสู่ระบบระบายน้ำสาธารณะ

ดังนั้น การจะนําน้ำมาใช้ทั้งภายในอาคารและภายนอกอาคารนั้น จะต้องคำนึงถึงการจัดวางระบบระบบสุขาภิบาลที่เป็นกิจลักษณะ ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม และหลักสุขอนามัย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีในการใช้งานและสะดวกต่อการบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการพักอาศัยภายในอาคาร รวมไปถึงการบำรุงรักษาระบบต่างๆกHต้องจัดเป็นสัดส่วนเพื่อให้ง่ายต่อการบำรุงรักษาเพื่อเวลาเกิดการชำรุดเสียหาย ช่างก็จะสามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุด

อย่างไรก็ตาม หากมีปัญหาเกี่ยวกับระบบการจัดการน้ำภายในอาคาร ทางเราเป็นผู้ให้บริการทางด้านการจัดการระบบน้ำภายในอาคาร เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการออกแบบและติดตั้งระบบปั๊ม ระบบสุขาภิบาล ในสำนักงาน โรงพยาบาล โรงเรียน อาคาร และร้านอาหารต่างๆ เรามีทีมช่างเฉพาะทาง ที่พร้อมจะเข้าไปดูแล ในส่วนของการจัดการระบบน้ำประปา

และระบบสุขาภิบาลของอาคารตาม สำนักงานต่างๆ ได้อย่างมีคุณภาพ รวมถึงการวางแผนซ่อมบำรุงเชิงป้องกันที่เป็นไปตามมาตรฐานทางวิศวกรรม เพื่อให้ผลการบริหารจัดการของอาคารที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้ความปลอดภัยให้ กับผู้ใช้อาคารซึ่งเป็นพื้นฐานของวิศวกร และทีมงานของบริษัทยังได้ผ่านฝึกอบรมเพื่อใหความรู้เกี่ยวกับงานบำรุงรักษาโดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างเป็นมืออาชีพ เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีความปลอดภัยในการใช้ชีวิตประจำวัน และยังคำนึงถึงสุขอนามัยของลูกค้ามาเป็นอันดับแรก เพื่อให้ลูกค้าของเรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

7
อาชีพเสริม จากแกงระแวงเนื้อ แกงกะทิน้ำขลุกขลิกคล้ายแกงเขียวหวานรสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นสมุนไทย

แกงระแวงเนื้อเป็นอาหารไทยโบราณประเภทแกงกะทิที่มีลักษณะคล้ายแกงเขียวหวานแต่มีรสชาติเข้มข้นกว่า มีต้นกำเนิดตั้งแต่สมัยทวารวดี บ้างว่าอาจจะได้รับอิทธิพลมาจากอินโดนีเซียโดยผ่านทางภาคใต้ของไทย บ้างว่าแกงระแวงน่าจะมาจากแกงเผ็ดเนื้อวัวของชวา ที่เรียกว่า เรินดังและสันนิษฐานว่าแกงชนิดนี้จะเข้าสู่เมืองไทยเมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสชวา

อาหารไทยมีชื่อเสียงในเรื่องรสชาติที่สดใส เทคนิคการเตรียมอาหารที่ซับซ้อน และแกงหลากหลายชนิดที่น่ารับประทาน หนึ่งในอัญมณีหายากคือแกงระแวงเนื้อ ซึ่งเป็นแกงเนื้อแบบดั้งเดิมของไทยที่ผสมผสานกลิ่นหอมของเครื่องเทศและกะทิเข้มข้นได้อย่างลงตัว

แกงระแวงเนื้อคืออะไร?
แกงระแวงเนื้อเป็นแกงไทยรสเผ็ดเล็กน้อย มีสีเหลืองอมเขียวที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งได้มาจากสมุนไพรสดและขมิ้น ชื่อของแกงระแวงเนื้อแปลว่า “ความสงสัย” ในภาษาไทย แต่ที่มาของชื่อที่แปลกประหลาดนี้ยังคงเป็นปริศนาอยู่ แกงนี้เป็นที่นิยมเพราะกลิ่นหอมและเนื้อนุ่ม ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสบายใจสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบดั้งเดิมแต่ไม่ซ้ำใคร

ส่วนผสมที่สำคัญ
เนื้อวัว:โดยทั่วไปจะปรุงแบบไฟอ่อนจนนุ่มและชุ่มฉ่ำ
สมุนไพรสด:ตะไคร้ ใบมะกรูด และข่า เพื่อความหอมพื้นฐาน
ขมิ้น:ให้สีสันและรสชาติดินอันละเอียดอ่อน
กะทิ :เพิ่มเนื้อครีมและความสมดุลของเครื่องเทศ
เครื่องปรุงรส :น้ำปลา น้ำตาลมะพร้าว น้ำมะนาว เพื่อเพิ่มรสชาติ

เคล็ดลับการเตรียมตัว
หมักเนื้อ:เพื่อให้เนื้อนุ่ม ควรหมักด้วยขมิ้นและเกลือเล็กน้อยก่อนปรุงอาหาร
ส่วนผสมสมุนไพร:โขลกสมุนไพรสดเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นเครื่องแกงที่มีกลิ่นหอม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของกลิ่นหอมเฉพาะตัวของแกง
การปรุงอาหารแบบช้า:ปรุงแกงด้วยไฟอ่อนเพื่อให้เนื้อดูดซับรสชาติและมีเนื้อสัมผัสที่ละลายในปาก

คำแนะนำการเสิร์ฟ
แกงระแวงเนื้อนัวเข้ากันได้ดีกับข้าวหอมมะลินึ่งและผักสด เช่น แตงกวาหรือผักบุ้งลวก ตกแต่งด้วยผักชีสับหรือใบโหระพาไทย เพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอม

ทำไมคุณถึงควรลอง
อาหารจานนี้แสดงให้เห็นถึงหัวใจและจิตวิญญาณของการทำอาหารไทยที่ผสมผสานรสชาติที่ซับซ้อนได้อย่างกลมกลืน อาหารจานนี้ไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนักเมื่อเทียบกับแกงยอดนิยมอื่นๆ เช่น แกงเขียวหวานหรือแกงแดง ทำให้เป็นอาหารจานเด็ดที่ต้องลองสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหารที่มองหารสชาติแบบไทยแท้ๆ

แกงระแวงเนื้อเป็นร้านอาหารที่ผสมผสานประเพณีและความคิดสร้างสรรค์เข้าด้วยกัน นับเป็นประสบการณ์ที่มิอาจลืมเลือน ซึ่งสะท้อนถึงมรดกด้านอาหารอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศไทยได้อย่างแท้จริง

8
สินค้า บริการอื่น ๆ / มือถือ Vivo วีโว่ vivo S16 (12GB/256GB)
« เมื่อ: 29 มิถุนายน 2025, 14:58:22 pm »
มือถือ Vivo วีโว่ vivo S16 (12GB/256GB)
N/A

วีโว่ vivo S16 (12GB/256GB)
Vivo S16 หน้าจอ Amoled ขนาด 6.78 นิ้ว กล้องหลัง 3 เลนส์ ความจุแบตเตอรี่ 4,600 mAh รองรับชาร์จไว 66W

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น           วีโว่ vivo S16 (12GB/256GB
   ราคากลาง           -
   จำนวนซิม        2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์        จอสัมผัส
   สี                  Gold, Black, Other(Mint)

   ความถี่-เครือข่าย
2G(GSM 850 / 900 / 1800 / 1900)
3G(HSDPA 800 / 850 / 900 / 1700(AWS) / 2100)
4G(1, 3, 4, 5, 8, 19, 28, 34, 38, 39, 40, 41)
5G(1, 3, 5, 8, 28, 41, 77, 78)

   ขนาด-น้ำหนัก                    ยาว 164.1 x กว้าง 74.8 x หนา 7.4 มม., น้ำหนัก 182 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)    256 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด       -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ        ความจุแบตเตอรี่ 4,600 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ            จอสัมผัส (Amoled)
   ความละเอียด        6.78 นิ้ว, 388 ppi, 1,080 x 2,400 px

   รายละเอียดอื่น
ระบบปฏิบัติการ Android 13, Origin OS 3
ประมวลผลชิปเซ็ต Qualcomm SM8250-AC Snapdragon 870 5G
กล้องหลัง 3 เลนส์ เลนส์หลัก 64 MP, f/1.9 + เลนส์ ultrawide 8 MP, f/2.2 + เลนส์ macro 2 MP, f/2.4
มีระบบเซนเซอร์ Fingerprint (under display, optical), accelerometer, gyro, proximity, compass, color spectrum
รองรับชาร์จไว 66W

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด               กล้องหลัง (64 Mpx), กล้องหน้า (50 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                          Auto Focus, Flash

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)              Octa-core
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)     Adreno 650
   หน่วยความจำ (RAM)                12.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก                USB(Type-C 2.0), Bluetooth(5.2), NFC, Wi-Fi(802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct)
   ระบบรับส่งข้อความ                       SMS, MMS, EMAIL
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต                 3G, GPRS, EDGE, WiFi, 4G, 5G
   ระบบ GPS                            GPS, GLONASS, GALILEO, BDS

9
จัดฟันบางนา: การจัดฟันแบบใส เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคโซเชียล

หลายคนคงเคยมีปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน ไม่ว่าจะเป็นในวัยเด็กหรือวัยผู้ใหญ่ ต้องบอกเลยว่า ปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันนั้น เราไม่ควรมองข้าม เพราะถ้าหากมองข้ามปัญหาช่องปากในเรื่องเล็กๆน้อยๆแล้ว ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงตามมาได้อนาคต หากปล่อยไว้นานๆ ในสมัยก่อนนั้น การรักษาทางทันตกรรมยังไม่มีในเรื่องของเทคโนโลยีเข้ามาใช้มากนัก ต่างจากในปัจจุบันที่วงการทันตกรรมได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในการรักษา ทำให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับในแง่ของการเข้ารับการจัดฟัน


ซึ่งในสมัยก่อนนั้นก็ยังไม่มีนวัตกรรมเข้ามาช่วยมากนัก รวมไปถึงเครื่องมือการจัดฟันก็ยังเป็นแบบติดแน่น ตามที่เรามักจะพบเห็นได้บ่อย แต่ในปัจจุบันก็ยังเป็นที่นิยมอยู่บ้าง แต่ถ้าหากพูดถึงความสะดวกสบายของผู้เข้ารับการจัดฟัน คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของการจัดฟันแบบใส เพราะถือว่าการจัดฟันในรูปแบบนี้ สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนปัจจุบันได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการวางแผนการรักษา การออกแบบเครื่องมือ จนไปถึงการสวมใส่เครื่องมือการจัดฟัน ก็มีการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในการรักษา ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาได้รับบริการอย่างดีที่สุด และในวันนี้ทางคลินิก เราจะมาพูดถึงการจัดฟันแบบใสที่มีไลพ์สไตล์ที่เหมาะสมเข้ากับคนในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี


สำหรับความสะดวกสบายในการเข้ารับการจัดฟันแบบใสนั้น แน่นอนว่าในเรื่องของเครื่องมือที่มีลักษณะใส มีความนิ่ม ให้แรงที่นุ่มนวลและมีความสม่ำเสมอ ไม่เป็นอันตรายกับช่องปากของเรา สวมใส่สบาย สวมครอบฟันได้พอดีกับช่องปากของเรา ด้วยจุดเด่นของเครื่องมือการจัดฟันที่สามารถถอดออกได้อย่างง่ายดาย ไม่ยุ่งยาก ตอบโจทย์เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบรับประทานอาหารที่หลากหลาย ซึ่งนี้คือจุดเด่นของการจัดฟันแบบใส เพราะระหว่างการรับประทานอาหารนั้น ผู้เข้ารับการจัดฟัน สามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันแบบใสออกได้


อย่างที่ทราบกันดีว่า ในบ้านเรานั้นมีอาหารการกินที่อร่อยและหลากหลาย นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ เป็นเสน่ห์ของการจัดฟันแบบใส ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องของการรับประทานอาหาร ทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถรับประทานอาหารจานโปรดของคุณได้เหมือนเดิม นอกจากนี้ในเรื่องของการทำกิจกรรมต่างๆหรือการออกกำลังกาย ก็ทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถทำกิจกรรมสุดโปรดได้ทุกอย่างโดยไม่มีอุปสรรค และอีกหนึ่งข้อที่ช่วยตัดปัญหาในเรื่องของการไม่มีเวลาที่จะเข้าพบทันตแพทย์ การจัดฟันแบบใสทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันเข้าพบทันตแพทย์น้อยลง และไม่ต้องกังวลว่าเหล็กจัดฟันหลุดหรือลวดหักอีกต่อไป นี่ก็คือปัญหาที่มักพบได้บ่อยในคนที่จัดฟันแบบเหล็กจัดฟัน

และข้อสุดท้ายถือว่าเป็นข้อที่สำคัญมากที่สุด นั่นก็คือ ในเรื่องของบุคลิกภาพ ซึ่งในยุคนี้เป็นยุคของเทคโนโลยี หลายคนชื่นชอบการถ่ายรูปลงโซเชียลต่างๆ และการจัดฟันแบบนั้น ก็สามารถตอบโจทย์ได้อย่างดี เพราะเมื่อเวลาที่คุณจะถ่ายรูปสวยๆลงโซเชียลก็ไม่ต้องกังวลว่า คุณจะมีฟันที่ไม่สวยงาม เพราะระหว่างที่คุณกำลังเข้ารับการจัดฟันนั้น คนอื่นจะมองไม่ออกเลยว่า คุณกำลังเข้ารับการจัดฟันอยู่ ซึ่งก็จะทำให้คุณได้ยิ้มอย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การเข้ารับการจัดฟันแบบใส จึงช่วยตอบโจทย์ในเรื่องของการใช้ชีวิตประจำวันของผู้เข้ารับการจัดฟันได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับความแนะนำได้ที่คลินิกทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์อย่างยาวนาน ที่จะช่วยให้คุณมีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ และมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี

10
บัตรเครดิตกับเดบิต ต่างกันยังไง ข้อดี-ข้อเสีย แบบไหนเหมาะกับเรา?

"บัตรเครดิต" และ "บัตรเดบิต" กลายเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ในขณะที่บัตรทั้งสองประเภทเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้เราใช้จ่ายอย่างสะดวกสบาย แต่บัตรเครดิตกับเดบิต ก็มีข้อแตกต่างกัน วันนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า บัตรเครดิตกับเดบิตต่างกันยังไง, บัตรเครดิต เดบิต ดูยังไง เพื่อการเลือกใช้งานที่ตอบโจทย์การใช้จ่ายและไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด เผื่อใครกำลังจะสมัครบัตรเครดิตได้ทำความเข้าใจมากขึ้น

บัตรเครดิต คืออะไร ?
บัตรเครดิต (Credit Card) คือ บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้จ่ายแทนเงินสด จัดเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลประเภทหนึ่งที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินให้วงเงินสินเชื่อแก่ผู้เป็นสมาชิกบัตรเครดิต สามารถนำไปใช้จ่ายล่วงหน้าก่อน แล้วค่อยชำระคืนพร้อมดอกเบี้ยในภายหลัง ซึ่งมักจะเป็นรอบบิลประจำเดือน และ  จะต้องชำระยอดเรียกเก็บ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องชำระขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนด แต่หากชำระไม่ตรงตามกำหนด จะมีดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 16 ต่อปีตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย

ข้อดีของบัตรเครดิต
สมัครบัตรเครดิต มาพร้อมสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น
ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้จ่าย สามารถซื้อสินค้าหรือบริการได้ทันทีแม้ไม่มีเงินสดในมือ
หากบัตรสูญหายหรือถูกขโมย สามารถแจ้งอายัดได้ทันที ทำให้ปลอดภัยกว่าการพกเงินสด
ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน เพราะมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย เช่น 30 - 45 วัน ซึ่งช่วยในการบริหารเงินสด
ได้รับคะแนนสะสมจากการใช้จ่ายผ่านบัตร โดยคะแนนสามารถใช้แทนเงินสด ใช้คะแนนแลกรับส่วนลด บริการ ส่วนลด หรือแลกรับเครดิตเงินคืนได้
ได้รับเครดิตเงินคืนจากการใช้จ่ายผ่านบัตร (ขึ้นอยู่กับโปรโมชัน)
ได้รับส่วนลดจากร้านค้าที่ร่วมรายการ
มีโปรโมชันผ่อนชำระสินค้าหรือบริการผ่อนด้วยอัตราดอกเบี้ย 0%
สามารถเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าได้ 100% จากวงเงินคงเหลือ
ได้รับบริการพิเศษต่างๆ เช่น สามารถใช้บริการห้องรับรองพิเศษสนามบินได้
การใช้บัตรเครดิตและชำระตรงเวลา จะช่วยสร้างเครดิตที่ดี ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการขอสินเชื่ออื่นๆ ในอนาคต

ข้อควรระวังของบัตรเครดิต
หากชำระไม่ตรงตามกำหนด ชำระขั้นต่ำ หรือชำระไม่เต็มจำนวน จะต้องเสียดอกเบี้ยตามที่ธนาคาร/สถาบันการเงินกำหนด
บัตรเครดิตบางประเภทมีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี
เสี่ยงในการใช้จ่ายเกินตัว หากใช้เกินความจำเป็น ดังนั้น จะต้องมีความรับผิดชอบและมีวินัยทางการเงินสูง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้สินภายหลัง

แนะนำบัตรเครดิต KTC ฟรีค่าธรรมเนียม
หากคุณกำลังมองหาบัตรเครดิตที่ใช้งานง่าย ฟรีค่าธรรมเนียม แถมยังได้สิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่า ต้องบอกเลยว่าบัตรเครดิต KTC ตอบโจทย์ให้กับคุณได้ เพราะส่วนใหญ่บัตรเครดิต KTC จะไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีตลอดชีพ เช่น

 1.   KTC DIGITAL PLATINUM MASTERCARD

 บัตรเครดิต KTC DIGITAL PLATINUM MASTERCARD เป็นบัตรเครดิตที่ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีตลอดชีพ สามารถสมัครง่าย และยังเลือกรับบัตรพลาสติกไร้หมายเลขและแถบแม่เหล็กได้ ทำให้ไร้กังวลเรื่องการขโมยข้อมูล

 หากคุณเป็นสายช้อปออนไลน์ บอกเลยว่าตอบโจทย์เป็นอย่างยิ่ง เพราะสามารถทำให้คุณช้อปออนไลน์ได้อย่างมั่นใจด้วย Dynamic CVV รหัสหลังบัตรจะเปลี่ยนภายใน 24 ชั่วโมงหรือทุกครั้งที่มีการขอ อีกทั้งสามารถควบคุมการใช้งานง่ายผ่านแอป KTC Mobile ที่สำคัญมาพร้อมสิทธิประโยชน์สุดคุ้มเพียบ ไม่ว่าจะเป็นรับส่วนลดร้านค้าออนไลน์ทุกเดือนกับ Mastercard® เมื่อช้อปผ่านพันธมิตรออนไลน์ที่ร่วมรายการตามเงื่อนไขที่กำหนด พร้อมรับประกันภัยความคุ้มครองการซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต KTC MASTERCARD กรณีไม่จัดส่งสินค้า และ / หรือการจัดส่งสินค้าไม่ถูกต้องและไม่ครบถ้วน ด้วยวงเงินประกันสูงสุด 200 ดอลล่าร์สหรัฐ โดย Mastercard ตั้งแต่ 1 ม.ค. 67 – 31 ธ.ค. 68

  2. KTC VISA PLATINUM

 หากคุณเป็นสายเที่ยวหรือสายช้อปปิ้งออนไลน์ บัตรเครดิต KTC VISA PLATINUM เป็นอีกหนึ่งบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณ นอกจากจะไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีตลอดชีพแล้ว ยังมาพร้อมสิทธิพิเศษมากมาย

เช่น ประกันการเดินทาง 8 ล้านบาท รับสิทธิ์ผ่อนชำระสินค้า/บริการด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% สูงสุด 10 เดือน หรือสามารถเปลี่ยนยอดชำระรายการซื้อสินค้า/บริการของเดือนถัดไปเป็นยอดผ่อนชำระได้ ด้วยอัตราดอกเบี้ย 0.74% สูงสุด 10 เดือน และยังได้รับส่วนลดที่ห้องอาหารในโรงแรมชั้นนำตลอดปีอีกด้วย

  3. KTC JCB PLATINUM

 สำหรับผู้ที่หลงใหลประเทศญี่ปุ่น บัตรเครดิต KTC JCB PLATINUM พร้อมเติมเต็มความสุขในแบบ Japanese Lifestyle ให้กับคุณได้ด้วยสิทธิประโยชน์มากมาย อย่าง รับคะแนน KTC FOREVER / ROP x2 แบบไม่จำกัดยอดรับคะแนนสูงสุด สำหรับทุกยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ที่ประเทศญี่ปุ่น (ยกเว้นยอดการใช้จ่ายที่เป็นสกุลเงินไทย) อีกทั้งยังได้บริการห้องรับรองในสนามบินญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน เกาหลี สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม เยอรมนี สหราชอาณาจักร และฮาวาย อีกด้วย

 4. KTC UNIONPAY PLATINUM

 บัตรเครดิต KTC UNIONPAY PLATINUM เป็นบัตรเครดิตที่มาพร้อมสิทธิพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ที่ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน เป็นสกุลเงินท้องถิ่น HKD/MOP/TWD จะรับคะแนน KTC FOREVER x2, รับส่วนลดและสิทธิพิเศษจากร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ท่องเที่ยว ระดับพรีเมี่ยมทั้งในและต่างประเทศ, รับ e-Coupon ส่วนลดและสิทธิพิเศษต่างๆ ผ่าน U Plan Platform จากร้านค้าชั้นนำที่ร่วมรายการในประเทศไทยและต่างประเทศ ผ่าน UnionPay International WeChat Official Account และหน้าร้านค้าที่เข้าร่วมรายการ ฯลฯ

บัตรเดบิต คืออะไร ?
บัตรเดบิต (Debit Card) เป็นบัตรที่เชื่อมต่อกับบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตร โดยทุกครั้งที่ใช้จ่ายเงินจะถูกหักออกจากบัญชีทันทีตามจำนวนที่ใช้จ่าย ทำให้ใช้จ่ายได้เท่าที่มีเงินในบัญชีเท่านั้น

ข้อดีของบัตรเดบิต
ช่วยให้คุณสามารถควบคุมการใช้เงินได้ดี เพราะบัตรเดบิตจะใช้จ่ายได้เฉพาะเงินที่มีอยู่ในบัญชีเท่านั้น ไม่สามารถใช้เงินเกินวงเงินได้ ทำให้ลดความเสี่ยงในการเป็นหนี้
ไม่มีดอกเบี้ย เนื่องจากเป็นการใช้เงินของตัวเอง จึงไม่มีดอกเบี้ยเหมือนบัตรเครดิต
สะดวกและรวดเร็ว เพราะสามารถใช้ซื้อสินค้าหรือเบิกถอนเงินสดที่ตู้ ATM ได้ง่ายและรวดเร็ว

ข้อเสียของบัตรเดบิต
สิทธิประโยชน์น้อย เพราะมักไม่มีคะแนนสะสมหรือสิทธิพิเศษเทียบเท่าบัตรเครดิต
บัตรเดบิตจะหักเงินจากบัญชีทันทีเมื่อใช้จ่าย ทำให้ไม่สามารถยืดเวลาการชำระค่าสินค่าหรือบริการได้เหมือนบัตรเครดิต
ต้องมีเงินพร้อมในบัญชีเสมอเมื่อต้องการใช้จ่าย
ความปลอดภัยที่น้อยกว่าบัตรเครดิต เพราะหากบัตรเดบิตสูญหายและมีการใช้งานที่ไม่ได้รับอนุญาต เงินจะถูกหักจากบัญชีทันที ซึ่งการเรียกคืนเงินทำได้ยากกว่า
ไม่สามารถสร้างเครดิตได้ เพราะการใช้บัตรเดบิตจะไม่ส่งผลต่อประวัติเครดิต ทำให้ไม่มีผลต่อการขอสินเชื่อใดๆ จากธนาคารในอนาคต

เมื่อทราบแล้วว่าบัตรเครดิตกับเดบิต ต่างกันยังไง การจะเลือกใช้บัตรประเภทใดก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้จ่ายและวินัยทางการเงินของแต่ละบุคคล หากคุณเป็นคนที่มีวินัยทางการเงินดี สามารถควบคุมการใช้จ่ายได้ ต้องการสิทธิประโยชน์พิเศษ และต้องการสร้างเครดิต บัตรเครดิตถือว่าตอบโจทย์เป็นอย่างยิ่ง เพราะคุณจะได้รับสิทธิพิเศษมากมายที่ผลตอบแทนอาจมากกว่าเงินที่ใช้จ่ายออกไปด้วยซ้ำ แต่หากคุณต้องการควบคุมการใช้จ่ายอย่างเคร่งครัด ไม่ต้องการมีภาระดอกเบี้ย บัตรเดบิตอาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการใช้จ่ายอย่างมีสติและรับผิดชอบ เพื่อสุขภาพทางการเงินที่ดีในระยะยาว สนใจสมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านทางออนไลน์ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

11
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: หวัดภูมิแพ้ (Allergic rhinitis)

หวัดภูมิแพ้ (เยื่อจมูกอักเสบเหตุภูมิแพ้ จมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หวัดจากการแพ้ หวัดแพ้อากาศ โรคแพ้อากาศ ก็เรียก) หมายถึงเยื่อจมูกอักเสบที่เกิดจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ของร่างกาย จัดเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่ง* ซึ่งพบได้ในคนทุกวัย มักเริ่มแสดงอาการในช่วงวัยรุ่นหรือวัยเรียน พบได้ประมาณร้อยละ 10-25 ของคนทั่วไป จากการศึกษาในบ้านเราพบโรคนี้ในเด็กวัยเรียนประมาณร้อยละ 20-40

ผู้ป่วยมักมีประวัติโรคภูมิแพ้ในครอบครัว (เช่น หืด ลมพิษ ผื่นคัน หวัดภูมิแพ้) และมักมีโรคภูมิแพ้อื่น ๆ (ที่สำคัญ คือ โรคหืด) ร่วมด้วย

โรคนี้มักมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรังเป็นแรมเดือนแรมปี น่ารำคาญ อาจมีอาการกำเริบเป็นบางฤดูกาลหรืออาจเป็นประจำตลอดทั้งปี ทั้งนี้ขึ้นกับสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นสาเหตุ

ถ้าเกิดจากละอองเกสร หญ้า หรือวัชพืช เรียกว่า ไข้ละอองฟาง (hay fever)

*โรคภูมิแพ้ (allergic disorders) เกิดจากร่างกายมีปฏิกิริยาต่อสารก่อภูมิแพ้ (allergen) แล้วปล่อยสารเคมี เช่น ฮิสตามีน (histamine) ไคเมส (chymase) พรอสตาแกลนดิน (prostaglandin) ไซโตไคน์ (cytokine) ลิวโคทรีน (leukotriene) แบรดิไคนิน (bradykinin) เป็นต้น ออกมา ถ้าสารเหล่านี้มาแสดงปฏิกิริยาที่ผิวหนังก็ทำให้เป็นโรคแพ้ทางผิวหนัง เช่น ลมพิษ ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ เป็นต้น ถ้าแสดงออกที่ตาก็กลายเป็นโรคเยื่อตาขาวอักเสบ ถ้าแสดงออกที่จมูกก็กลายเป็นหวัดภูมิแพ้ ถ้าแสดงออกที่หลอดลมก็กลายเป็นหืด

โรคภูมิแพ้มักมีสาเหตุจากกรรมพันธุ์ คือ มีพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ญาติพี่น้องเป็นโรคภูมิแพ้อยู่ด้วย นอกจากนี้ ความเครียดทางจิตใจก็มีส่วนกระตุ้นให้อาการกำเริบได้

ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้อาจแสดงออกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลาย ๆ อย่างพร้อม ๆ กันก็ได้ ในรายที่เกิดจากการแพ้อาหารอาจมีอาการปวดท้องท้องเดินร่วมด้วยได้ (ดูโรคลมพิษ)

สารก่อภูมิแพ้ ได้แก่ ไรฝุ่นบ้าน (dust mites) เชื้อรา ละอองเกสร หญ้า วัชพืช สัตว์เลี้ยงในบ้าน (โดยเฉพาะแมว) อาหาร (เช่น นม ไข่ เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ถั่วลิสง สารกันบูด สีผสมอาหาร) ยา (แอสไพริน เพนิซิลลิน ซัลฟา ยาชา) ฝุ่นละออง ความเย็น ความร้อน แดด เชื้อแบคทีเรีย พยาธิ แมลง แมลงสาบ สารเคมี แอลกอฮอล์ เป็นต้น

ผู้ป่วยมักจะแพ้สารได้หลาย ๆ อย่าง และมีโอกาสแพ้ยาได้ง่ายกว่าผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคภูมิแพ้ จึงควรระมัดระวังในการใช้ยาสำหรับผู้ป่วยโรคนี้

การแพ้อาจเกิดขึ้นโดยการสัมผัส สูดดม กิน หรือฉีดเข้าร่างกายทางใดทางหนึ่ง

โรคภูมิแพ้ทุกชนิดรวมกันแล้ว พบได้ประมาณร้อยละ 30 ของคนทั่วไป

สาเหตุ

เกิดจากความผิดปกติที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ ทำให้ร่างการเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ เป็นผลให้มีการหลั่งสารเคมีหลายชนิดออกมาทำให้เกิดอาการคัน จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล

สารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อย ได้แก่ ละอองเกสร หญ้า วัชพืช สปอร์ของเชื้อราที่อยู่นอกบ้าน ทำให้เกิดอาการกำเริบในบางฤดูกาล ส่วนผู้ที่มีอาการตลอดปีมักเกิดจากสารก่อภูมิแพ้ภายในบ้าน เช่น ไรฝุ่นบ้าน แมลงสาบ สัตว์เลี้ยง ฝุ่นละออง เป็นต้น

นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการแพ้อาหาร (เช่น อาหารทะเล) ซึ่งมักจะพบร่วมกับโรคภูมิแพ้อื่น ๆ เช่น หืด ลมพิษ ผื่นคัน

ผู้ที่เป็นโรคหวัดภูมิแพ้ มักมีการตอบสนองไวเกินต่อสิ่งกระตุ้น (สิ่งระคายเคือง) เช่น กลิ่นฉุน ๆ บุหรี่ ควัน อาหารเผ็ด แอลกอฮอล์ อากาศเปลี่ยน ความชื้น ทั้งนี้โดยไม่เกี่ยวกับปฏิกิริยาภูมิแพ้แบบสัมผัสสารก่อภูมิแพ้

อาการ

มีอาการเป็นหวัด คัดจมูก จามบ่อย น้ำมูกมีลักษณะใส ๆ มักมีอาการคันในจมูก คันคอ คันตา น้ำตาไหล เจ็บคอ แสบคอ หรือไอแห้ง ๆ (แบบระคายคอ) ร่วมด้วย

บางรายอาจมีอาการปวดตื้อตรงบริเวณหน้าผากหรือหัวคิ้ว หรือปวดศีรษะ หูอื้อ หรือมีเสียงดังในหู (เนื่องจากท่อยูสเตเชียนตีบ) การรับรู้กลิ่นน้อยลง หรือหายใจมีกลิ่นเหม็น

อาการมักเกิดเวลาถูกอากาศเย็น ควัน ฝุ่นละออง สารก่อภูมิแพ้ หรือสิ่งกระตุ้นอื่น ๆ

บางรายอาจมีอาการตอนช่วงเช้า ๆ พอสาย ๆ ก็ทุเลาไปได้เอง

ในรายที่เป็นมากอาจมีอาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ

บางรายอาจมีอาการของโรคหืดร่วมด้วย หายใจมีเสียงดังวี้ด หรือรู้สึกแน่นอึดอัดในหน้าอก


ภาวะแทรกซ้อน

โดยทั่วไปมักไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง 

ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจทำให้อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การเรียน การทำงาน

บางรายอาจเป็นโรคหืดร่วมด้วย

ในรายที่เป็นเรื้อรัง อาจกลายเป็นไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ หรือติ่งเนื้อเมือกจมูก

เด็กบางรายอาจมีอาการนอนกรน และเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

มักตรวจพบเยื่อจมูกบวมและซีด หรือเป็นสีม่วงอ่อน ๆ ต่างจากไข้หวัด หรือไซนัสอักเสบ ซึ่งเยื่อจมูกจะมีลักษณะบวมและออกสีแดง มักพบน้ำมูกลักษณะใส ๆ (ถ้าน้ำมูกมีสีเหลืองหรือเขียว แสดงว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม หรือเป็นไซนัสอักเสบ)

บางรายอาจพบเยื่อตาขาวออกแดงเล็กน้อย

ในเด็กที่มีอาการคันจมูก จะยกมือขึ้นขยี้จมูกบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดรอยย่นที่สันจมูก (เรียกว่า allergic nasal line)

อาจพบผิวหนังบริเวณขอบตาล่างบวมและมีสีคล้ำ (เรียกว่า allergic shiners)

บางรายอาจพบติ่งเนื้อเมือกจมูก ใช้เครื่องฟังตรวจปอดมีเสียงวี้ด (wheezing)

ในรายที่จำเป็นต้องวินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การใช้กล้องส่องตรวจภายในโพรงจมูก (nasal endoscopy), การตรวจอีโอซิโนฟิลในเลือด (พบมากกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนเม็ดเลือดขาวทั้งหมด) หรือในเสมหะ (พบมากกว่าร้อยละ 30), การทดสอบผิวหนัง (skin test) ดูว่าแพ้สารอะไร, เอกซเรย์ไซนัส (ดูว่ามีการอักเสบหรือไม่) เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

นอกจากแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยแล้ว แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้ามีอาการเพียงเล็กน้อย เป็นช่วงสั้น ๆ เช่น ตอนเช้าหลังตื่นนอน ตอนสาย ๆ หายได้เอง ก็ไม่จำเป็นต้องให้ยารักษา แต่ถ้ามีอาการน้ำมูกไหลมาก หรือไอจนน่ารำคาญ ให้กินยาแก้แพ้ เช่น คลอร์เฟนิรามีน, ไดเฟนไฮดรามีน หรือยาแก้แพ้ที่ไม่ง่วง (เช่น ลอราทาดีน, เซทิริซีน เป็นต้น)

ถ้ามีอาการคัดจมูกมากหรือหูอื้อร่วมด้วย ให้กินยาแก้คัดจมูก เช่น สูโดเอฟีดรีน ควบด้วย

ถ้าไอมากให้กินยาระงับการไอ

ยาเหล่านี้ให้กินเมื่อมีอาการจนน่ารำคาญ หรือมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต เมื่ออาการดีขึ้นก็ให้หยุดยา แต่ถ้ากำเริบใหม่ก็ให้กินใหม่ บางคนที่เป็นอยู่ประจำทุกวัน ก็อาจต้องคอยกินยาไปเรื่อย ๆ

2. ให้การรักษาดังกล่าวแล้วไม่ได้ผล หรือเป็นเรื้อรัง (มีอาการมากกว่า 4 วันต่อสัปดาห์ และมีอาการติดต่อกันนานกว่า 4 สัปดาห์) หรือรุนแรง (มีอาการนอนไม่หลับ นอนกรน มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ มีผลกระทบต่อการเรียน การงาน หรือคุณภาพชีวิต) แพทย์จะให้ยาสเตียรอยด์ชนิดพ่นจมูกวันละ 1-2 ครั้ง

3. ถ้ารักษาด้วยวิธีดังกล่าวไม่ได้ผล แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม และรักษาด้วยยาหรือวิธีอื่น ๆ ในบางรายแพทย์อาจต้องทำการทดสอบผิวหนัง (skin test) ว่าแพ้สารอะไร แล้วให้การรักษาด้วยการขจัดภูมิไว (desensitization/hyposensitization) โดยการฉีดสารที่แพ้เข้าร่างกายทีละน้อย ๆ เป็นประจำทุก 1-2 สัปดาห์ นาน 3-5 ปี วิธีนี้จะได้ผลดีในรายที่แพ้ไรฝุ่นบ้าน เชื้อรา ละอองเกสร หญ้าวัชพืช ขุยหนังหรือรังแคแมว (cat dander) สำหรับเด็กวิธีนี้อาจช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคหืดตามมาได้

ผลการรักษา ส่วนใหญ่สามารถควบคุมอาการได้ดีด้วยยาแก้แพ้และสเตียรอยด์ชนิดพ่นจมูก แต่เมื่อหยุดยาก็อาจกำเริบได้อีก

ส่วนน้อยที่ต้องให้การรักษาด้วยยากลุ่มอื่น หรือวิธีอิมมูนบำบัด (การขจัดภูมิไว)

ในรายที่ดื้อต่อการรักษาอาจเกิดจากการใช้ยาไม่ถูกต้อง หรืออาจมีโรคอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ หืด ติ่งเนื้อเมือกจมูก แพทย์จะปรับยาที่ใช้ให้เหมาะสม หรือรักษาโรคที่พบร่วม

การดูแลตนเอง

ถ้ามั่นใจหรือได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นหวัดภูมิแพ้ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    สังเกตว่าเกิดจากสารก่อภูมิแพ้หรือสิ่งกระตุ้นอะไร แล้วพยายามหลีกเลี่ยง เช่น มีอาการขณะกวาดบ้านหรือถูกฝุ่นก็แสดงว่าเกิดจากฝุ่น ถ้าเป็นขณะอยู่ในห้องนอนก็อาจเกิดจากไรฝุ่นบ้าน ถ้าเป็นขณะสัมผัสสัตว์เลี้ยงก็อาจเกิดจากสัตว์เลี้ยง เป็นต้น วิธีหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ (เช่น ไรฝุ่นบ้าน เชื้อรา สัตว์เลี้ยง ละอองเกสร ดูเพิ่มเติมในโรคหืด หัวข้อ "การป้องกัน ข้อที่ 1 หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้และสิ่งระคายเคือง")
    หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และรู้จักผ่อนคลายความเครียด
    ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือตามคำแนะนำของแพทย์
    ใช้ยารักษาตามที่แพทย์แนะนำ เช่น ยาแก้แพ้ ยาแก้คัดจมูก ยาแก้ไอ เป็นต้น

ควรไปพบแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการมากจนทำให้นอนไม่หลับ หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน หรือทำให้ผู้ที่เป็นโรคหืดมีอาการหอบหืดกำเริบ
    มีน้ำมูกหรือเสมหะข้นเหลืองหรือเขียว 
    ปวดหน่วงตรงหัวคิ้วหรือโหนกแก้ม หรือสงสัยเป็นไซนัสอักเสบแทรกซ้อน
    มีเลือดกำเดาไหล ปวดหู หูอื้อ หรือคลำได้ก้อนที่ข้างคอ
    ใช้ยารักษา 1 สัปดาห์แล้วไม่ดีขึ้น
    หลังกินยา มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

การป้องกัน

1. หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ (ดูเพิ่มเติมในโรคหืด หัวข้อ "การป้องกัน ข้อที่ 1 หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้และสิ่งระคายเคือง")

2. รักษาสุขภาพทั่วไปให้แข็งแรง โดยการบำรุงอาหารสุขภาพ (กินผักผลไม้ให้มาก ๆ) ออกกำลังกายเป็นประจำ (เช่น วิ่งเหยาะ เดินเร็ว ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ) นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และผ่อนคลายความเครียด (เช่น ฝึกโยคะ รำมวยจีน สวดมนต์ ฝึกสมาธิ ฟังเพลง) ก็อาจมีส่วนช่วยให้โรคทุเลาได้

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มักเป็นเรื้อรัง ไม่ค่อยหายขาด ถ้าอาการไม่มากพอทนได้ ก็ไม่จำเป็นต้องกินยาอะไรทั้งสิ้น ถ้าจำเป็นก็แนะนำให้ไปพบแพทย์และกินยาตามที่แพทย์แนะนำ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังกายมีส่วนให้อาการห่างขึ้นหรือลดการใช้ยาลงได้

2. ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการซื้อยาชุดหรือยาลูกกลอนกินเอง เพราะมักมียาสเตียรอยด์ผสม แม้ยานี้จะช่วยให้อาการทุเลาได้ แต่ถ้ากินไปนาน ๆ ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงแทรกซ้อนตามมาหลายอย่าง ซึ่งอาจเกิดอันตรายร้ายแรงได้

3. การใช้ยาปฏิชีวนะ ไม่มีความจำเป็นในการรักษาโรคนี้เพราะไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ ยกเว้นในรายที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เช่น ไซนัสอักเสบ หรือหูชั้นกลางอักเสบ ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ในการใช้ยาชนิดนี้

4. ถ้าจำเป็นต้องใช้ยาพ่นจมูก ควรให้แพทย์เป็นผู้พิจารณาสั่งใช้ เพราะยาบางชนิดที่เข้ายาแก้แพ้หรือแก้คัดจมูก เมื่อหยอดบ่อยเกินไป ก็อาจทำให้เยื่อจมูกอักเสบมากยิ่งขึ้น

5. ในกรณีเป็นหวัด คัดจมูก โดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจนนานเกิน 2 สัปดาห์ ควรให้แพทย์ตรวจหาสาเหตุ (ตรวจอาการ คัดจมูก/น้ำมูกไหล ประกอบ)

12
คอนโดติดรถไฟฟ้า เสนาคิทท์ สุขุมวิท - บางปู (Sena Kith Sukhumvit - Bangpu)
เริ่มต้น 0.99 ลบ.

เสนาคิทท์ สุขุมวิท - บางปู (Sena Kith Sukhumvit - Bangpu)
เตรียมพบกับคอนโดใหม่ บนทำเลศักยภาพ ติดถนนใหญ่ ใกล้แหล่งงานนิคมอุตสาหกรรม เชื่อมต่อชีวิตคนเมือง ใกล้ BTS สถานีเคหะฯ

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ                เสนาคิทท์ สุขุมวิท - บางปู (Sena Kith Sukhumvit - Bangpu)
 เจ้าของโครงการ           เสนาดีเวลลอปเม้นท์
 แบรนด์ย่อย                 เสนา คิทท์
 ราคา                        เริ่มต้น 0.99 ลบ.
 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล               คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
 ความสูงคอนโด             Low Rise (ไม่เกิน 8 ชั้น)
 ลักษณะกรรมสิทธิ์          โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี             โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ขนาดห้องที่มี               โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 เนื้อที่ทั้งหมด               โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนตึก                     6 อาคาร
 จำนวนชั้น                     5 ชั้น
 จำนวนห้อง                   324 ยูนิต
 ที่จอดรถทั้งหมด           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ค่าบำรุงส่วนกลาง          โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค              โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน            สมุทรปราการ, บางพลี, บางบ่อ, พระประแดง
 ที่ตั้ง           ถนนสุขุมวิท ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:             โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
เทสโก้ โลตัส บางปู
แมคโคร บางปู
อิเกียบางนา
Jas Urban ศรีนครินทร์
โรงเรียนอัสสัมชัญ สมุทรปราการ
โรงเรียนเซนต์โยเซฟ ทิพวัล
สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์
โรงพยาบาลศิครินทร์ สมุทรปราการ (บางปูใหม่)
โรงพยาบาลสมุทรปราการ, โรงพยาบาลบางนา 5
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
โรงพยาบาล สินแพทย์ เทพารักษ์

13
จัดฟันบางนา: ใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบใส เฉพาะแค่ตอนนอนได้หรือไม่
 
การจัดฟันแบบใส ถือว่าเป็นการจัดฟันรูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมาก เพราะทันตแพทย์จะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษาทำให้มีผลการรักษาที่แม่นยำ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในเรื่องของรูปร่างของฟัน ลักษณะการขึ้นของฟันที่เกิดจากความผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่อาจจะส่งผลต่อรูปร่างฟันได้ การจัดฟันแบบใส ถือว่าได้รับความนิยมในหมู่ดารา นักแสดง หรือคนทำงานที่ต้องใช้บุคลิกภาพ ที่ต้องใช้หน้าตา การจัดฟันแบบใส จึงสามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม การจัดฟันแบบใส ก็มีข้อจำกัดด้วยเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในเรื่องของการสวมใส่เครื่องมือการจัดฟัน


การจัดฟันแบบใส ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้เข้ารับการจัดฟันด้วย เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปตามที่ทันตแพทย์วางไว้ เพราะถ้าหากผู้เข้ารับการจัดฟันไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ก็อาจจะทำให้ผลการรักษาเกิดการคลาดเคลื่อนได้ ในการสวมใส่เครื่องมือนั้น มีความจำเป็นมากสำหรับการจัดฟัน เพราะตังเครื่องมือการจัดฟันจะทำหน้าที่เป็นตัวช่วยทำให้ฟันของเราเคลื่อนไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม หรือตำแหน่งที่ทันตแพทย์ได้วางแผนไว้ เพื่อให้ผลการรักษาเป็นที่น่าพึงพอใจ และสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างแท้จริง สำหรับคนที่กำลังเข้ารับการจัดฟันแบบใส หรือคนที่กำลังจะเข้ารับการจัดฟันแบบใส มีข้อสงสัยว่า  เราสามารถที่จะสวมใส่เครื่องมือเฉพาะตอนกลางคืนหรือเวลาที่เรานอนหลับได้หรือไม่
 
ซึ่งวันนี้ทางคลินิกของเรามีคำตอบมาฝากกัน ก่อนอื่นเราจะมาทำความเข้าใจในเรื่องของการทำงานของเครื่องมือการจัดฟันแบบใสกันก่อน ในการใช้เครื่องมือจัดฟันแบบใส อาจไม่ง่ายเหมือนที่คิด หลายคนคิดว่า เครื่องมือการจัดฟันแบบใสสามารถถอดเข้าออกได้สะดวก สบาย  ทำให้เกิดความละเลยในการสวมใส่เครื่องมือ บางคนคิดว่า ค่อยใส่เครื่องมือตอนกลางคืนหรือตอนที่นอนหลับก็ได้ ไม่น่าจะมีผลอะไร แต่ต้องบอกเลยว่า การใช้เครื่องมือการจัดฟันแบบใสนั้น  จะต้องอาศัยความร่วมมือของผู้เข้ารับการจัดฟันด้วย

การที่เครื่องมือแบบใส สามารถถอดเข้าออกได้นั้น สำหรับบางคน ก็อาจกลายเป็นข้อเสียได้เหมือนกัน เนื่องจากผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใสจะจำเป็นต้องใส่เครื่องมือแบบใส ไม่ต่ำกว่าวันละ 20-22 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีและมีประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง ดังนั้น คำถามที่ว่า สวมใส่เครื่องมือการจัดฟันเฉพาะตอนกลางคืนหรือเวลานอนหลับได้ไหม


ตอบเลยว่า ไม่ได้ เนื่องจากช่วงเวลาเฉพาะตอนนอนจะสั้นไปที่จะทำให้เกิดการเคลื่อนฟัน ตามคำแนะนำทันตแพทย์ เพราะเครื่องมือการจัดฟันแบบใส จะทำงานเฉพาะขณะผู้เข้ารับการจัดฟันสวมใส่เครื่องมืออยู่เท่านั้น จึงแนะนำให้ใส่เครื่องมือการจัดฟันไว้ตลอดเวลาทั้งกลางวัน และกลางคืน ยกเว้นขณะรับประทานอาหาร แปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟันเท่านั้น  นี่ถือว่าเป็นข้อปฏิบัติที่มีความสำคัญและเป็นปัจจัยสำคัญของการเข้ารับการจัดฟันแบบใส เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีมาตรฐาน ตามหลักสากล และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน

หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาด้วยการจัดฟันแบบใส รวมไปถึงการรักษาทางทันตกรรมรูปแบบอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียม การจัดฟันในเด็ก ซึ่งทางเรามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมาอย่างยาวนาน แต่สำหรับการจัดฟันแบบใส ทางคลินิกของเราได้รับการรับรองจาก Invisalign ให้สามารถให้บริการจัดฟันแบบใสได้อย่างมีมาตรฐานสากล

ทำให้มีความน่าเชื่อถือ มีความปลอดภัยแก่ผู้เข้ารับการรักษา ทำให้ผู้เข้ารับการรักษามั่นใจได้ว่า คุณจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีฟันที่เรียงตัวกันสวยงามได้อย่างแน่นอน เพราะคลินิกของเรา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง ปราศจากปัญหาที่คอยกวนใจ เพื่อที่จะได้ทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างสบาย โดยไม่ต้องกังวลในเรื่องของปัญหาฟัน

14
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: โรคผมร่วงหย่อมไม่ทราบสาเหตุ

ผมร่วงเป็นหย่อมไม่ทราบสาเหตุ หมายถึง อาการผมร่วงซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะที่ มีผมแหว่งเป็นหย่อม ๆ ซึ่งไม่มีสาเหตุชัดเจน คือ ตรวจแล้วไม่พบว่ามีสาเหตุใด ๆ (เช่น โรคเชื้อรา ซิฟิลิส การถอนผม รอยแผลเป็น หรือสาเหตุอื่น ๆ)

แต่มีโรคผมร่วงเป็นหย่อมอยู่ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด เรียกว่า โรคผมร่วงหย่อมไม่ทราบสาเหตุ (alopecia areata) เป็นภาวะที่พบได้เป็นครั้งคราว พบมากในวัยหนุ่มสาว พบน้อยในคนอายุเกิน 45 ปีขึ้นไป ทั้งหญิงและชายมีโอกาสเป็นเท่า ๆ กัน ภาวะเครียดทางจิตใจอาจมีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการได้

สาเหตุ

สันนิษฐานว่าเกิดจากปฏิกิริยาภูมิต้านตนเอง (ออโตอิมมูน) คือ ร่างกายมีการสร้างภูมิต้านทานต่อรูขุมขน (hair follicles) ที่หนังศีรษะทำให้ผมหยุดงอก โดยที่ไม่ทราบชัดว่ามีสาเหตุอะไรที่กระตุ้นให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาดังกล่าว สันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่าง ๆ เช่น กรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม ความเครียดทางจิตใจ

บางรายอาจพบร่วมกับโรคอื่น ๆ เช่น ต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิต้านตนเอง โรคแอดดิสัน โรคด่างขาว โรคภูมิแพ้ (เช่น ลมพิษ ผื่นคัน หวัดจากการแพ้ หืด) เป็นต้น


อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการผมร่วงเฉพาะที่ ทำให้ผมแหว่งหายไปเป็นหย่อม ๆ มีลักษณะกลมหรือรี ขอบเขตชัดเจน ตรงกลางไม่มีเส้นผม แต่จะเห็นรูขน หนังศีรษะในบริเวณนั้นเป็นปกติทุกอย่าง ไม่แดง ไม่เจ็บ ไม่คัน ไม่เป็นเกล็ด หรือเป็นขุย ในระยะแรกจะพบเส้นผมหักโคนเรียงอยู่บริเวณขอบ ๆ บางรายอาจพบเส้นผมสีขาวขึ้นในบริเวณนั้น

ผู้ป่วยอาจมีผมร่วงเพียง 1-2 หย่อม จนถึงมากกว่า 10 หย่อม

ถ้าเป็นมาก อาจลุกลามจนทั่วศีรษะ จนไม่มีเส้นผมเหลืออยู่แล้วแม้แต่เส้นเดียว บางรายอาจมีอาการขนตาและขนคิ้วร่วงร่วมด้วย เรียกว่า ผมร่วงทั่วศีรษะ (alopecia totalis)

ผู้ป่วยส่วนมากจะหายได้เองตามธรรมชาติ แต่อาจกินเวลาเป็นปีกว่าจะหาย (ประมาณร้อยละ 50 ของผู้ป่วยหายภายใน 1 ปี ประมาณ 2 ใน 3 ของผู้ป่วยจะมีผมขึ้นภายใน 5 ปี) บางรายเมื่อหายแล้วอาจกำเริบได้ใหม่ เป็น ๆ หาย ๆ บ่อยครั้ง ประมาณร้อยละ 40 ของผู้ป่วยจะกำเริบซ้ำอีกภายใน 5 ปี หรือไม่อาจมีคนอื่น ๆ ในครอบครัวเป็นโรคนี้ด้วย (โดยที่ไม่ได้เป็นโรคติดต่อแต่อย่างใด)

ในรายที่พบร่วมกับโรคอื่น ๆ (เช่น ต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิต้านตนเอง โรคแอดดิสัน โรคด่างขาว โรคภูมิแพ้ เป็นต้น) ก็จะมีอาการของโรคเหล่านี้ร่วมด้วย


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ยกเว้นในรายที่มีโรคอื่นร่วมด้วย (เช่น ต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิต้านตนเอง โรคแอดดิสัน โรคด่างขาว โรคภูมิแพ้ เป็นต้น) ก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเหล่านี้ตามมาได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ สิ่งตรวจพบ และการตรวจพิเศษ เช่น การตรวจเลือด การขูดหรือตัดชิ้นเนื้อของหนังศีรษะไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

ถ้าเป็นโรคผมร่วงหย่อมไม่ทราบสาเหตุ ก็ให้ใช้ครีมสเตียรอยด์ เช่น ครีมไตรแอมซิโนโลนอะเซโทไนด์ หรือครีมบีตาเมทาโซนชนิด 0.1% หรือทาด้วยขี้ผึ้งแอนทราลิน (anthralin) ชนิด 0.5% วันละครั้ง ถ้าไม่ได้ผลใน 1 เดือน ก็อาจฉีดยาสเตียรอยด์ (เช่น ไตรแอมซิโนโลนอะเซโทไนด์) เข้าใต้หนังในบริเวณที่เป็นทุก 2 สัปดาห์

ในรายที่เป็นรุนแรง (ผมร่วงทั้งศีรษะ) อาจต้องให้เพร็ดนิโซโลนชนิดกิน

ยาเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้ผมงอกเร็วขึ้น


การดูแลตนเอง

หากมีอาการผมร่วงเป็นหย่อม ควรปรึกษาแพทย์ และดูแลรักษาตามคำแนะนำของแพทย์

หากต้องการใช้วิธีรักษานอกเหนือจากที่แพทย์แนะนำ ควรปรึกษาแพทย์ให้แน่ใจว่าเป็นวิธีรักษาที่ได้ผลจริง และไม่สิ้นเปลืองเกินจำเป็น

หากมีอาการผมร่วงมาก หรือรู้สึกแลดูน่าเกลียด ให้ใส่ผมปลอม (วิก) จนกว่าจะหายดี


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ


ข้อแนะนำ

1. โรคนี้อาจมีลักษณะคล้ายโรคเชื้อราที่ศีรษะ ซึ่งสามารถตรวจให้แน่ชัด โดยการขูดเอาขุย ๆ ที่หนังศีรษะไปตรวจ ถ้าเป็นโรคเชื้อรา ก็จะพบเชื้อราที่เป็นต้นเหตุ

2. โรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ ดังนั้นจึงไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะเกิดการแพร่โรคโดยการสัมผัสใกล้ชิด

3. โรคนี้ส่วนใหญ่จะหายได้เองโดยธรรมชาติ แม้ว่าจะไม่ได้ให้การรักษา

การรักษาทางการแพทย์ด้วยการใช้สเตียรอยด์ทาหรือฉีด มีส่วนช่วยให้หายเร็วขึ้น


15
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


หน้า: [1] 2 3 ... 43
ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google โฆษณาฟรี ประกาศฟรี ขายฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว โปรโมทเว็บไซต์ฟรี