แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 46
1
จัดฟันบางนา: สัญญาณเตือน ควรรักษารากฟัน

การรักษารากฟัน ก็คือการรักษาการติดเชื้อที่เกิดขึ้นกับโพรงประสาทฟันจากแบคทีเรียที่อยู่ในช่องปาก โดยการตัดโพรงประสาทฟัน หรือเนื้อเยื่อขนาดเล็กที่อยู่ใจกลางฟัน เมื่อทำการตัดส่วนที่ติดเชื้อหรืออักเสบเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็จะทำความสะอาด จัดรูปทรงและอุดปิด การรักษารากฟันจะช่วยให้ไม่ต้องทำการถอนฟันจริงตามธรรมชาติออก เพราะผลกระทบจากการถอนฟันนั้นมีมากมายกว่าการรักษาให้แข็งแรงต่อไปแน่นอน

ซึ่งในวันนี้จะขอพาท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักกับ การรักษารากฟันเบื้องต้น และสัญญาณเตือนอันตรายว่าเมื่อไหร่ที่ท่านควรรักษารากฟัน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


สัญญาณอันตราย เตือนรักษารากฟัน

ก่อนอื่นเลยต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า การจะรักษารากฟันนั้นส่วนใหญ่จะทำก็ต่อเมื่อ โพรงประสาทฟันเกิดการติดเชื้อ ซึ่งอาจจะรุนแรงถึงขั้นมีหนองที่ปลายรากฟัน ผลที่ตามมาก็คือความเจ็บปวดอย่างยิ่ง และยังสามารถลุกลามไปยังฟันซี่อื่นๆได้อีกด้วย ถ้าหากเป็นในสมัยก่อนทันตแพทย์จะมีทางเดียวคือ ต้องถอนฟันซี่นี้ออกเพื่อไม่ให้เกิดการลุกลามและใส่ฟันปลอม แต่ในสมัยนี้ที่ทันตกรรมพัฒนาไปอย่างรวดเร็วทันตแพทย์ส่วนใหญ่จึงจะเลือกการรักษารากฟันแทนการถอนเพื่อเก็บฟันแท้ตามธรรมชาติไว้คือทางออกที่ดีที่สุด

ส่วนสัญญาณที่ทำให้ท่านทราบว่าโพรงประสาทกำลังมีความเสียหายหรืออักเสบ มีดังต่อไปนี้

– เจ็บปวดทุกครั้งเมื่อทำการบดเคี้ยวหรือกัดอาหารในจุดที่โพรงประสาทเกิดการอักเสบ

– ในทุกครั้งที่ดื่มเครื่องดื่มร้อนจัด หรือเย็นจัด จะมีโอกาสที่จะเกิดการเสียวฟัน

– เมื่อมีอาการรุนแรงเพิ่มมากขึ้นฟันซี่ที่รากฟันเกิดการติดเชื้อหรืออักเสบฟันซี่ดังกล่าวจะเริ่มมีการโยกคลอน

– บริเวณเหงือกที่ติดเชื้อจะมีอาการบวมและนิ่มลง

– มีน้ำหนองไหลจากฟันที่ติดเชื้อ หรือมีตุ่มหนองบวมขึ้นบนเหงือกบริเวณที่ติดเชื้อ

– สีของฟันเริ่มมีอาการคล้ำลงในบริเวณฟันซี่ที่รากฟันติดเชื้อ

– เมื่อมีการอักเสบมากๆหน้าในบริเวณที่รากฟันติดเชื้อจะเริ่มมีอาการบวมอย่างเห็นได้ชัด

ซึ่งหากว่าเริ่มมีอาการต่างๆตามที่กล่าวมานี้ ให้นึกไว้ก่อนเลยว่าอาจเป็นเหตุมาจากรากฟันอักเสบ ให้รีบทำการเข้าพบทันตแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะหากว่ารากฟันอักเสบในระยะแรกยังสามารถรักษาให้หายได้รวดเร็ว แต่หากว่าปล่อยทิ้งไว้นานไม่รีบทำการรักษา ก็อาจจะเกิดการก่อตัวที่ปลายรากฟันในกระดูกขากรรไกร ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดเป็นฝีได้ และกระดูกรอบๆฟันจะถูกทำลายทำให้เกิดอาการปวดบวมอย่างรุนแรง


การรักษารากฟันทำได้ทุกกรณีหรือไม่ ?

เชื่อว่ามีหลายๆท่านยังเกิดความสงสัยว่า การรักษารากฟันมีข้อจำกัดอย่างไรบ้าง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วการรักษารากฟันจะสามารถทำได้เกือบทุกกรณี ยกเว้นในกรณีที่ทันตแพทย์ไม่สามารถเข้าถึงบริเวณรากฟันได้ หรือรากฟันแตกหักอย่างรุนแรง รวมถึงการมีโรคปริทันต์ร่วมด้วย ทันตแพทย์จะทำการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดรากฟัน หรือถ้ามีอาการที่หนักจริงๆก็จำเป็นที่จะต้องทำการถอนฟันออก

สาเหตุส่วนใหญ่ที่โพรงประสาทฟันถูกทำลายหรือตาย ได้แก่

– เกิดอุบัติเหตุกระทบกระแทกบริเวณฟันอย่างรุนแรง ทำให้รากฟันเกิดความเสียหาย

– ฟันแตกจากการรับประทานอาหาร ใช้ฟันบดเคี้ยวอย่างรุนแรง

– มีอาการฟันผุ และไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กระทั่งเกิดการรุกรามของเชื้อแบคทีเรียเป็นวงกว้างแทรกเข้าไปที่รากฟันจนเกิดอาการอักเสบและถูกทำลายในที่สุดหากไม่ได้รับการแก้ไข

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็คือสัญญาณในการตรวจเช็คว่าท่านผู้อ่านกำลังมีอาการของรากฟันอักเสบหรือไม่ หากว่ามีอาการตรงตามที่ได้กล่าวมาสิ่งแรกที่ต้องทำคือหาเวลาไปพบทันตแพทย์ ยิ่งเร็วยิ่งดีรักษาตั้งแต่ยังมีอาการไม่มากก็จะสามารถหยุดยั้งอันตรายต่างๆไม่ให้กระจายตัวเป็นวงกว้างได้นั่นเอง

2
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


3
หมอออนไลน์: บิดชิเกลลา (Shigellosis/Bacillary dysentery)

บิดชิเกลลา (บิดไม่มีตัว) พบในคนทุกวัย ส่วนใหญ่พบในเด็กอายุ 1-5 ปี มักพบในถิ่นที่การสุขาภิบาลยังไม่ดี หรืออยู่กันอย่างแออัด

การติดเชื้อพบได้บ่อยในสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานพักฟื้นของผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยทางจิตเวช

บางครั้งอาจเกิดการระบาดตามหมู่บ้าน โรงเรียน โรงงาน ค่ายทหาร และมักพบมากในช่วงฤดูร้อนต่อฤดูฝน

ผู้ติดเชื้อบางรายอาจไม่มีอาการแสดง แต่เป็นพาหะแพร่เชื้อให้ผู้อื่น ส่วนใหญ่เชื้อจะอยู่ในพาหะเพียงช่วงสั้น ๆ มักถูกขับออกหมดภายใน 4 เดือน (แต่บางราย เชื้ออาจอยู่นานถึงหลายปีก็ได้)

ส่วนผู้ป่วยที่แสดงอาการ ส่วนใหญ่อาการมักไม่รุนแรงและหายได้เองโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ส่วนน้อยอาจเป็นรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงถึงเสียชีวิตได้


สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า ชิเกลลา (Shigella) ซึ่งมีอยู่หลายสายพันธุ์ ส่วนใหญ่ติดต่อโดยการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ โดยผ่านทางการสัมผัสมือหรือสิ่งของที่เปื้อนเชื้อ หรือจากการกินอาหาร หรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ (จากมือผู้ป่วยที่ไม่ได้ล้างให้สะอาดหรือแมลงวันตอม)

นอกจากนี้ ยังสามารถติดต่อโดยทางเพศสัมพันธ์ที่มีการใช้ปากสัมผัสกับทวารหนักหรือองคชาตที่ปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระในบริเวณทวารหนัก (ซึ่งพบในหมู่ชายรักร่วมเพศ)

เชื้อชิเกลลาจะเข้าไปในเยื่อบุลำไส้ใหญ่ ทำให้ลำไส้ใหญ่อักเสบ เกิดอาการท้องเดิน ถ่ายเป็นมูกเลือด

ระยะฟักตัว 1-7 วัน (ส่วนใหญ่ 24-48 ชั่วโมง)


อาการ

ผู้ป่วยมักมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัวซึ่งเกิดขึ้นฉับพลัน ร่วมกับอาการปวดบิดในท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และถ่ายเป็นน้ำบ่อยครั้ง ถ้าถ่ายรุนแรงอาจทำให้อ่อนเพลียเพราะสูญเสียน้ำกับเกลือแร่ ต่อมาอาการถ่ายเป็นน้ำทุเลาลง แต่จะปวดเบ่งที่ก้น และถ่ายเป็นมูก (หนองสีขาว) หรือมีมูกปนเลือดแบบกะปริดกะปรอย วันละ 10-30 ครั้ง ไม่มีกลิ่นเหม็น

ในเด็กเล็ก อาจมีไข้สูง ซึม และชักได้ อาการชักจะเป็นอยู่ไม่นาน และไม่มีอันตราย

อาการไข้จะเป็นอยู่ 1-2 วันก็ทุเลาไปเอง ส่วนอาการถ่ายท้องจะค่อย ๆ ห่างขึ้นภายใน 2-3 วัน และจะหายได้เองภายใน 5-7 วัน แต่บางรายอาจกลับเป็นซ้ำได้อีก

ในรายที่เป็นเพียงเล็กน้อย จะมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนเล็กน้อย ถ่ายเป็นน้ำหรือถ่ายเหลววันละ 3-5 ครั้ง อาจมีมูกปน แล้วทุเลาไปได้เองภายใน 3-5 วัน ส่วนใหญ่จะไม่มีไข้หรือมีไข้ต่ำ


ภาวะแทรกซ้อน

ที่พบได้บ่อย คือภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงตายได้

ในรายที่เบ่งถ่ายบ่อยอาจทำให้ทวารหนักโผล่ออกมาข้างนอก

ในทารกแรกเกิดถ้าติดเชื้อจากมารดาขณะคลอด อาจเกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ หรือลำไส้ทะลุได้

ผู้ป่วยเอดส์ และเด็กขาดอาหาร อาจมีอาการรุนแรงขั้นโลหิตเป็นพิษ เป็นเรื้อรังหรือกำเริบได้บ่อย

ที่พบได้น้อย เช่น ข้ออักเสบจากปฏิกิริยาของร่ายกาย (reactive arthritis) ภาวะเม็ดเลือดแดงแตกร่วมกับไตวาย (hemolytic-uremic syndrome) ซึ่งเกิดจากพิษ (shigatoxin) ที่เชื้อปล่อยออกมา นอกจากนี้เชื้ออาจแพร่กระจายทำให้ตับอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น

ที่อันตรายแต่พบได้น้อยมาก เช่น ภาวะลำไส้ใหญ่พอง (toxic megacolon) ลำไส้ทะลุ และเยื่อบุช่องท้องอักเสบ


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก มักตรวจพบไข้ 38.5-40 องศาเซลเซียส อาจพบอาการขาดน้ำ หรือช็อก (เหงื่อออก ตัวเย็น ชีพจรเบาเร็ว ความดันต่ำ) ท้องอาจกดเจ็บเล็กน้อยตรงบริเวณกลางท้อง ท้องน้อยข้างซ้าย หรือทั่วท้อง บางรายอาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน

ในรายที่ยังวินิจฉัยไม่ได้ชัดเจน แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น นำอุจจาระไปเพาะเชื้อ ใช้กล้องส่องตรวจลำไส้ใหญ่ส่วนคด (sigmoidoscopy)


การรักษาโดยแพทย์

1. ที่สำคัญคือ ให้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้ยาชนิดใดชนิดหนึ่ง เช่น ไตรม็อกซาโซล, นอร์ฟล็อกซาซิน, โอฟล็อกซาซิน, ไซโพรฟล็อกซาซิน, อะซิโทรไมซิน (azithromycin) หรือเซฟทริอะโซน (ceftriaxone) เป็นต้น

2. ให้การรักษาตามอาการ เช่น ถ้ามีไข้ให้ยาลดไข้ ถ้าอ่อนเพลียหรือมีภาวะขาดน้ำเล็กน้อยให้ดื่มน้ำเกลือผสมเอง หรือเตรียมจากผงน้ำตาลเกลือแร่ขององค์การเภสัชกรรม

ส่วนยาแก้ท้องเดินไม่จำเป็นต้องให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มยาลดการเคลื่อนไหวของลำไส้ เพราะอาจทำให้เชื้ออยู่ในลำไส้นานขึ้น ทำให้โรคหายช้าหรือลุกลามได้

3. ถ้ามีภาวะขาดน้ำรุนแรงหรือช็อก มีอาการปวดท้องรุนแรง กดเจ็บรุนแรง หรือสงสัยมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง (เช่น โลหิตเป็นพิษ ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น) จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล นอกจากให้การรักษาตามอาการ (เช่น ยาลดไข้ ให้น้ำเกลือ) แพทย์อาจจำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ และแก้ไขภาวะแทรกซ้อนที่พบ

ผลการรักษา ส่วนใหญ่หายเป็นปกติได้ใน 5-7 วัน ส่วนน้อยที่เกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งหากรักษาได้ทันการณ์ก็จะหายเป็นปกติได้ แต่ถ้าได้รับการรักษาล่าช้าไป ก็อาจได้รับอันตรายถึงเสียชีวิตได้


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือดกะปริดกะปรอย ภายหลังจากมีอาการไข้ร่วมกับถ่ายเป็นน้ำนำมาก่อน หรือมีอาการท้องเดินในผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นบิดชิเกลลา ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นบิดชิเกลลา ควรดูแลรักษา ดังนี้

1. ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

2. กินยาปฏิชีวนะตามขนาดและครบระยะเวลาตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด

3. ติดตามการรักษากับแพทย์ตามนัด

4. ควรกลับไปพบแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้

    มีไข้สูง หรือมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย
    เบื่ออาหาร ดื่มน้ำได้น้อย อาเจียน หรือปวดท้องรุนแรง
    ซึม ปวดศีรษะรุนแรง เจ็บหน้าอกมาก หรือหายใจหอบ
    ตาเหลืองตัวเหลือง
    กินยาที่แพทย์แนะนำ 2-3 วันแล้วไม่ดีขึ้น
    หลังกินยา มีผื่นคัน ตุ่มพุพอง ปากบวม ตาบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีความผิดปกติอื่น ๆ
    มีความวิตกกังวล


การป้องกัน

1. ดื่มน้ำต้มสุกหรือน้ำสะอาด ไม่ดื่มน้ำคลองหรือน้ำบ่อแบบดิบ ๆ ไม่กินน้ำแข็งที่เตรียมไม่สะอาด

2. กินอาหารสุกและไม่มีแมลงวันตอม

3. ล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ก่อนเตรียมอาหาร ก่อนเปิบข้าว และหลังถ่ายอุจจาระหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก

4. ถ่ายอุจจาระลงในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ อย่าถ่ายลงคลอง หรือตามพื้นดิน

5. สำหรับชายรักร่วมเพศ ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น การใช้ปากสัมผัสกับทวารหนักหรือองคชาต


ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยควรหยุดเรียนหรือหยุดงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการเกี่ยวกับอาหาร (เช่น คนครัว บริกร เป็นต้น) ในร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงพยาบาล สถานพักฟื้น โรงเรียน หรือสถานรับเลี้ยงเด็ก จำเป็นต้องหยุดงานจนกว่าจะตรวจไม่พบเชื้อในอุจจาระ ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้แพร่กระจายเชื้อให้ผู้อื่น

2. อาการไข้ ปวดท้อง ถ่ายเป็นน้ำ แล้วต่อมาถ่ายเป็นมูกเลือด อาจเกิดจากเชื้อวิบริโอพาราฮีโมไลติคัส ซึ่งพบในผู้ที่กินอาหารทะเล (เช่น หอยนางรม) แบบดิบ ๆ

4
หมอออนไลน์: ไซนัสอักเสบ (Sinusitis)

ไซนัสอักเสบ (Sinusitis) คือภาวะที่โพรงอากาศข้างจมูกหรือที่เรียกว่าไซนัสเกิดการอักเสบและบวม ทำให้เกิดการคั่งของน้ำมูกและหนองอยู่ภายในโพรงจมูก ทำให้ผู้ป่วยมีอาการแน่นจมูก ปวดศีรษะ และมีน้ำมูกไหล


อาการที่พบบ่อยของไซนัสอักเสบ

อาการของไซนัสอักเสบมักจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีอาการหลักๆ ดังนี้:

คัดจมูกและมีน้ำมูก: มีน้ำมูกข้นเป็นสีเหลืองหรือเขียว และรู้สึกคัดแน่นในจมูกตลอดเวลา

ปวดบริเวณใบหน้า: มีอาการปวดหรือตึงบริเวณแก้ม หน้าผาก และรอบดวงตา ซึ่งอาการปวดจะมากขึ้นเมื่อก้มศีรษะลง

โพรงจมูกมีหนองไหลลงคอ: รู้สึกเหมือนมีน้ำมูกไหลลงคอ ทำให้เกิดอาการระคายเคืองและไอเรื้อรัง

ปวดศีรษะ: มีอาการปวดศีรษะบริเวณหน้าผากหรือขมับ

อาการอื่นๆ: อาจมีไข้, อ่อนเพลีย, และรู้สึกว่ารับกลิ่นและรสชาติได้น้อยลง


สาเหตุที่ทำให้เกิดไซนัสอักเสบ

สาเหตุของไซนัสอักเสบมักเกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภท:

การติดเชื้อไวรัส: เช่น ไวรัสที่ทำให้เกิดไข้หวัดทั่วไป มักทำให้เกิดไซนัสอักเสบเฉียบพลัน และมักจะหายได้เอง

การติดเชื้อแบคทีเรีย: มักจะเกิดขึ้นเมื่ออาการจากเชื้อไวรัสไม่หายและมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ทำให้เกิดไซนัสอักเสบแบบเรื้อรัง

ภูมิแพ้: ในผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ จมูกและไซนัสจะบวมและอักเสบได้ง่าย ทำให้เกิดไซนัสอักเสบได้บ่อย

การติดเชื้อรา: พบได้น้อยและมักเกิดขึ้นในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ


การรักษาและการป้องกัน

การรักษา: แพทย์จะวินิจฉัยและรักษาตามสาเหตุ หากเกิดจากแบคทีเรียจะให้ยาปฏิชีวนะร่วมกับยาลดอาการคัดจมูก แต่หากเป็นจากภูมิแพ้จะให้ยาแก้แพ้


การป้องกัน:

รักษาสุขอนามัย: ล้างมือให้บ่อยเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

รักษาสุขภาพ: ทานอาหารที่มีประโยชน์และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง: หลีกเลี่ยงควันบุหรี่, มลภาวะ และสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ

หากคุณมีอาการไซนัสอักเสบแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือมีอาการปวดรุนแรง ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องค่ะ

5
จัดฟันบางนา: อาหารที่ควรงดรับประทานหลังจากทำการฟอกสีฟัน

การฟอกสีฟัน หรือฟอกฟันขาวเป็นการเปลี่ยนแปลงสีฟันที่ขุ่นหมองให้กลับมาขาวสดใส ซึ่งเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาของสีฟันที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันสำหรับผู้ที่มีปัญหาฟันเหลือง อันเนื่องมาจากสาเหตุจากการรับประทาน กาแฟหรืออาหารที่มีสีเป็นประจำ การฟอกสีฟัน ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่รับประทานกาแฟทุกเช้าหรือจิบตลอดระหว่างวัน จึงทำให้มีสีฟันที่เปลี่ยนไป จนทำให้เกิดปัญหาตามมา ซึ่งก็จะสามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้ารับการฟอกสีฟัน แต่หลายคนมีข้อสงสัยว่า การฟอกสีฟัน มีผลข้างเคียงหรือไม่ ซึ่งภายหลังจากการฟอกสีฟันนั้น จะมีอาการเสียวฟัน

ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยมากที่สุดซึ่ แต่จะเกิดขึ้นในช่วงแรกประมาณ 1-3 วันแรก และจะค่อยๆหายไป สำหรับอาการเสียวฟันเกิดจากน้ำยาฟอกสีฟันไปทำให้เม็ดสีของฟันแตกตัวออกเป็นโมเลกุลเล็กๆ ทำให้เนื้อฟันถูกดึงน้ำออกไปด้วย บางครั้งอาจจะมีอาการเหงือกเป็นแผล หากน้ำยาฟอกสีฟันสัมผัสบริเวณเหงือกอาจทำให้เกิดแผลได้ ต้องถือว่าภายหลังจากการฟอกสีฟันแล้วก็ต้องมีวิธีการดูแลตัวเองดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน โดยเฉพาะในเรื่องของการรับประทานอาหารเพราะมีอาหารบางอย่างที่ต้องงดหรือหลีกเลี่ยง ภายหลังจากการฟอกสีฟันแล้วสำหรับวันนี้คลินิกเราจะมาบอกถึงเรื่งของอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ภายหลังจากการฟอกสีฟันซึ่งจะทำให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงพฤติกรรมต่างๆของผู้เข้ารับการรักษาที่จำเป็นจะต้องหลีกเลี่ยงอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ภายหลังจากการรักษาเสร็จสิ้นแล้ว

สำหรับอาหารที่ผู้เข้ารับการรักษาเกี่ยวกับการฟอกสีฟัน ควรหลีกเลี่ยงและควรงดนั่นก็คืออาหารและเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดสีและคราบบนผิวฟัน เช่นชา กาแฟไวน์ ซอส ลูกอม เนื่องจากจะทำให้เกิดสีบนผิวฟัน แต่ถ้าหากมีความจำเป็นที่จะต้องดื่มเครื่องดื่มที่กล่าวมาข้างต้น ผู้เข้ารับการรักษาอาจจะใช้วิธีการใช้หลอดดูดแทนการดื่มจากแก้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการที่เครื่องดื่มจะสัมผัสกับผิวฟัน นอกจากนี้ควรงดรับประทานอาหารหรือเครื่อง ดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น ผลไม้รสเปรี้ยวและรวมไปถึงอาหารที่ร้อนหรือเย็นจนเกินไปเพราะจะทำให้เกิดการทำลายบนผิวของฟันได้และเป็นการลดอาการเสียวฟัน ภายหลังจากการฟอกสีฟันอีกด้วย นอกจากนี้หลังจากทำการฟอกสีฟันผู้เข้ารับการรักษาที่มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ควรงด สูบบุหรี่อย่างน้อย 1 สัปดาห์ และจะต้องรับประทานยาแก้ปวด


หากมีอาการปวดอย่างไรก็ตามผู้เข้ารับการรักษาควรกลับมารับการตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำทุก 6 เดือน ภายหลังจากการฟอกสีฟันเนื่องจากความขาวของฟันจะไม่คงทนถาวรเรื่องความขาวสดใสของสีฟันจากค่อยๆ ลดลงตามลำดับ และสีฟันจะคงอยู่ได้นานแค่ไหนนั้น จะต้องขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟันของผู้เข้ารับการรักษา หากผู้เข้ารับการรักษามีการดูแลเอาใจใส่ฟันเป็นอย่างดีหรือมีการทำความสะอาดที่ถูกวิธีก็จะช่วยให้สีของฟันคงอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี โดยที่ทันตแพทย์ผู้ทำการรักษาจะแนะนำให้มีการทำซ้ำเป็นระยะทุกปีเพื่อให้สีฟันที่ขาวขึ้นอยู่ และสามารถอยู่ได้คงทนถาวรและยาวนานขึ้นนั่นเอง

สำหรับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันและการปฏิบัติตัว ภายหลังจากการฟอกสีฟันนั้น ผู้เข้ารับการรักษาควรทำความสะอาดช่องปากตามปกติ ด้วยการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟัน บ้วนปากเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยอาจจะใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของโพแทสเซียมไนเตรต เพื่อป้องกันอาการเสียวฟันด้วย หากมีอาการเสียวฟันมากผู้เข้ารับการรักษาสามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้ ทั้งนี้จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่จะทำให้เกิดสีและคราบบนเนื้อผิวฟัน และงดรับประทานอาหารที่จะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้สีของฟันมีการเปลี่ยนแปลงและวิธีป้องกันการเกิดคราบบนผิวฟันนั้นต้องบอกก่อนว่าการฟอกสีฟันไม่ได้ทำให้ฟันขาวถาวร แต่เป็นหันที่ผ่านการฟอกจะมีสีครามขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปโดยเฉพาะ เมื่อเกิดคราบสะสมบนเนื้อฟัน

ดังนั้นเราควรมีวิธีปกป้องการเกิดคราบบนผิวฟันให้ฟันขาวอยู่เสมออทั้งนี้หากคุณสนใจเข้ารับการฟอกสีฟันสามารถติดต่อขอคำแนะนำจากทางคลินิกได้ เนื่องจากคลินิกของเราให้บริการเกี่ยวกับทางด้านทันตกรรมอย่างครบวงจรเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐานได้รับการรองรับจากสถาบันต่างๆ จึงมั่นใจได้ว่าคลินิกจะทำให้ผู้เข้ารับการรักษามีความปลอดภัย รวมไปถึงช่วยดูแลสุขภาพช่องปากและฟันได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ทุกท่านที่เข้ามาใช้บริการมีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรงได้อย่างแน่นอน

6
เที่ยววัดพืชอุดม วัดสวย ปทุมธานี ชมนรกสวรรค์จำลอง สุดอลังการ

วัดพืชอุดม ตั้งอยู่ที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เป็นวัดที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงจาก "เมืองนรก-สวรรค์จำลอง" แห่งแรกในประเทศไทย

จุดเด่นของวัด
นรก-สวรรค์จำลอง: ภายในวิหารขนาดใหญ่มีการจัดแสดงเรื่องราวของนรกสวรรค์ 31 ภูมิ โดยชั้นล่างจะจำลองแดนนรกด้วยหุ่นที่เคลื่อนไหวด้วยกลไกและมีเสียงประกอบ ส่วนชั้นบนจะแสดงภาพเขียนเกี่ยวกับสวรรค์และพรหมภูมิ

พระพุทธรูป: ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปประธานปางมารวิชัยให้กราบไหว้ขอพรเพื่อให้ชนะกิเลสและอุปสรรคต่างๆ


การเดินทาง
ที่ตั้ง: 25 หมู่ 9 ตำบลพืชอุดม อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี

เวลาทำการ:

วันเสาร์-อาทิตย์: 07.30 - 17.30 น.

วันจันทร์-ศุกร์: 08.00 - 17.00 น.








7
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ขี้หูอุดตันรูหู (Wax blockage/Impacted cerumen)

ขี้หูเกิดจากการรวมตัวของสารที่ขับจากต่อมขี้หูและต่อมไขมันที่อยู่ในช่องหูชั้นนอก เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่รูหู ป้องกันการติดเชื้อและป้องกันแมลงมิให้เข้าใกล้หูหรือเข้าไปในช่องหู

ลักษณะและปริมาณของขี้หูแต่ละคนมีความแตกต่างกัน

โดยธรรมชาติขี้หูจะถูกผลักดันออกสู่นอกช่องหูวันละน้อย โดยการเคลื่อนตัวของเซลล์ผิวหนังชั้นผิวที่ปกคลุมหูชั้นนอกอยู่ จึงไม่จำเป็นต้องใช้วิธีแคะ เขี่ย หรือล้างทำความสะอาดแต่อย่างใด


สาเหตุ

การอุดตันของรูหูเกิดจากการแคะหรือการทำความสะอาดบ่อยเกินไป เกิดการระคายเคืองหรือการอักเสบ กระตุ้นให้ต่อมขี้หูสร้างขี้หูมากขึ้น และมีการสะสมของขี้หูเป็นก้อนแข็งจนอุดตันรูหูได้


อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการหูอื้อ มักเป็นเพียงข้างเดียว ซึ่งเกิดขึ้นฉับพลันหลังว่ายน้ำ อาบน้ำ หรือสระผม เนื่องจากขี้หูที่สะสมอยู่อุ้มน้ำที่เข้าไปในช่องหู จนก้อนขี้หูพองตัว อัดแน่นช่องหู

บางรายมีความรู้สึกเหมือนมีน้ำค้างอยู่ในหูตลอดเวลา พยายามเอาไม้พันสำลีเช็ดออก แต่ยิ่งเช็ดก็กลับยิ่งอื้อ เพราะมักจะดันขี้หูเข้าลึกและอัดแน่นยิ่งขึ้น บางรายอาจมีอาการปวดหูหรือวิงเวียนร่วมด้วย


ภาวะแทรกซ้อน

หากมีการแคะหูจนเกิดแผลถลอก ก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา ทำให้หูชั้นนอกอักเสบได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ สิ่งตรวจพบ และการใช้เครื่องส่องหูตรวจดู จะพบขี้หูอุดเต็มรูหูจนมองไม่เห็นเยื่อแก้วหู เพราะถูกขี้หูบังไว้


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าส่องไฟดูหูแล้ว เห็นขี้หูค่อนข้างหลวม ไม่แน่นมาก แพทย์จะใช้ห่วงแคะหูหรือตะขอแคะขี้หูที่สะอาด ค่อย ๆ เขี่ยขี้หูออก

2. ถ้าเขี่ยไม่ออกหรือขี้หูแข็งจะใช้น้ำเกลือนอร์มัลหรือน้ำสะอาดผสมโซเดียมไบคาร์บอเนตที่มีอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส ฉีดล้างออก (หลีกเลี่ยงการใช้น้ำที่มีอุณหภูมิต่ำหรือสูงกว่า 37 องศาเซลเซียส อาจกระตุ้นให้เกิดอาการวิงเวียนได้) หรืออาจให้ผู้ป่วยใช้ยาละลายขี้หู หยอดหูบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ นาน 3-5 วันก่อน แล้วค่อยใช้น้ำหรือน้ำเกลือฉีดล้างออก หรือใช้เครื่องมือช่วยนำเอาขี้หูออก

3. ถ้ามีการติดเชื้ออักเสบ จะให้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะแบบเดียวกับหูชั้นนอกอักเสบ


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการหูอื้อ หรือรู้สึกเหมือนมีน้ำค้างอยู่ในหูตลอดเวลานานเป็นวัน ๆ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นขี้หูอุดตันรูหู ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 2-3 วัน
    มีอาการไข้ ปวดหูมากขึ้น หรือหูน้ำหนวกไหล
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

แนะนำให้ผู้ป่วยเลิกนิสัยการแคะหู ล้างหู และไม่ควรใช้ไม้พันสำลีเช็ดหรือปั่นหูเป็นประจำ นอกจากจะไม่มีประโยชน์เท่าที่ควรแล้ว ยังอาจกระตุ้นให้เกิดขี้หูมากจนอุดตันรูหูได้

ข้อแนะนำ

หากมีอาการหูอื้อหรือรู้สึกเหมือนมีน้ำเข้าหู ซึ่งเกิดขึ้นฉับพลันหลังว่ายน้ำ อาบน้ำ หรือสระผม

หากสงสัยว่าเกิดจากมีน้ำเข้าหูให้ลองตะแคงหูข้างที่มีอาการลงด้านล่าง แล้วเคาะที่ศีรษะเบา ๆ เพื่อให้น้ำระบายออกจากหู (ไม่ให้ใช้ไม้พันสำลีแยงหูเพื่อซับน้ำ อาจทำให้เกิดแผลถลอก หรืออาจดันให้ขี้หูเข้าลึกและอัดแน่นยิ่งขึ้นได้หากเกิดจากมีขี้หูอุดตันรูหู) ถ้าอาการหูอื้อไม่หายนานเป็นวัน ๆ หรือสงสัยว่าเกิดจากขี้หูอุดตันรูหู ควรปรึกษาแพทย์

8
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


9
รถขนของไปต่างจังหวัด รถกระบะรับจ้างชลบุรี รับจ้างขนของ ย้ายบ้าน รถรับจ้างทุกชนิด บริการ 24 ชม

รถกระบะรับจ้างชลบุรี เมื่อคุณต้องการที่ย้ายของ ย้ายบ้าน ด้วย รถรับจ้าง รถกระบะรับจ้างชลบุรี ที่ดีได้มาตรฐาน ต้องใช้บริการจากที่นี่ ทั้งราคาถูก และราคาเป็นกันเอง ติดต่อง่าย ที่นี่มี รถรับจ้างขนของ ทุกชนิดวิ่งทั่วไป สุดยอดผู้ให้บริการ รถกระบะรับจ้างขนย้ายหอ คอนโด ย้ายบ้าน รับจ้างขนของ ทุกชนิดในเขตจังหวัดชลบบุรี ด้วยบริการที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี ให้บริการลูกค้ามามากกว่า 1000 งาน ด้วยเป็นคนอัธยาศัยดี มีความซื่อสัตย์ต่ออาชีพที่ทำ และเป็น

กันเอง ทำให้ รถรับจ้าง ของเรามีการเติบโตฐานการบริการมาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่ยอมรับและให้ความเชื่อใจของลูกค้า
ทีมงาน บริการ รถกระบะรับจ้างจังหวัดชลบุรี มีเครื่อข่ายที่ใหญ่ และมีทีมช่วยบริการในการยกสินค้าให้ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ามีความง่าย สะดวกเมื่อมาใช้บริการของเรา เราจะมีการพัฒนาองค์กรณ์ขอเราให้มามาตรฐานตลอดเวลา ่านจึงสบายใจได้เลยว่า มาใช้บริการของเรา ตอบโจทย์ได้ในทุกปัญหาจริง

นอกจาก รถกระบะขนของ แล้ว ทางเรายังมี รถ10ล้อรับจ้างจังหวัดชลบุรี รถ6ล้อรับจ้างจังหวัดชลบุรี รถเฮียบรับจ้างจังหวัดชลบุรี รถพ่วงรับจ้างจังหวัดชลบุรี รถเทรลเลอรืรับจ้างจังหวัดชลบุรี รถรับจ้างจังหวัดชลบุรี ซึ่งพร้อมให้บริการเช่นกันหากปริมาณสินค้าของท่านมีจำนวนมาก

จุดพื้นที่การให้บริการ รถรับจ้างขนของจังหวัดชลบุรี ได้แก่

    รถกระบะรับจ้างอำเภอ เมืองชลบุรี
    รถกระบะรับจ้างอำเภอ พานทอง
    รถกระบะรับจ้างอำเภอเกาะจันทร์
    รถกระบะรับจ้างอำเภอ สัตหีบ
    รถกระบะรับจ้างอำเภอบางละมุง
    รถกระบะรับจ้างอำเภอ บ้านบึง
    รถกระบะรับจ้างอำเภอ พนัสนิคม
    รถกระบะรับจ้างอำเภอ บ่อทอง
    รถกระบะรับจ้างอำเภอ ศรีราชา
    รถกระบะรับจ้างอำเภอ เกาะสีชัง
    รถกระบะรับจ้างอำเภอ หนองใหญ่

10
รถรับจ้างขนของขอนแก่น รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ถ้าใช้บริการรถหกล้อ ต้องใช้คนยกกี่คน

การขนส่งสินค้าและวัสดุต่าง ๆ เป็นส่วนสำคัญของกิจกรรมธุรกิจและการดำเนินชีวิตประจำวันของเราในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในเขตเมืองหรือพื้นที่ใหญ่ๆ การใช้บริการรถรับจ้างเพื่อขนส่งสินค้าเป็นเรื่องที่พึงระวังมาก ขนส่งเพราะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของธุรกิจและการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนมากมาย

ในท้องถิ่นของขอนแก่น การขนส่งสินค้าและวัสดุต่าง ๆ มีความสำคัญมากเช่นกัน โดยเฉพาะการใช้บริการรถรับจ้างหกล้อ ที่มีความสามารถในการขนส่งสินค้าปริมาณมากๆ และขนาดใหญ่ เพื่อให้สามารถขนส่งสินค้าไปยังปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้บริการรถรับจ้างหกล้อในการขนส่งสินค้าทำให้การจัดการและการควบคุมของสินค้ามีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการยกของด้วยมือ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บและเสียหายของสินค้า นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งและลดเวลาในการส่งถึงจุดหมาย


รถ 6 ล้อรับจ้างขนของ ต่างจังหวัด

อย่างไรก็ตาม การคำนึงถึงจำนวนคนที่จำเป็นในการใช้บริการรถรับจ้างหกล้อเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากต้องมีคนยกของในกรณีที่สินค้ามีน้ำหนักหนักและขนาดใหญ่ การกำหนดจำนวนคนที่จำเป็นในการดำเนินงานขนส่งนั้นเป็นเรื่องที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้การขนส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุด ดังนั้น เพื่อทราบว่าในการใช้ บริการรถรับจ้างหกล้อต้องใช้คนยกกี่คน ของแก่น ต้องเป็นเรื่องที่ผ่านการวิเคราะห์และวางแผนอย่างถูกต้องและรอบคอบ

   
ถ้าใช้บริการรถหกล้อ ต้องใช้คนยกกี่คน

การใช้ บริการรถรับจ้างขนย้ายขอนแก่น เพื่อขนส่งสินค้ามักจะต้องใช้คนยกของเพื่อช่วยในกระบวนการขนส่ง จำนวนคนที่จำเป็นต่างก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น น้ำหนักและขนาดของสินค้าที่จะขนส่ง ความซับซ้อนของกระบวนการเกี่ยวกับการโหลดและถอดสินค้า และความปลอดภัยของการทำงาน เราสามารถอธิบายโดยละเอียดดังนี้

    น้ำหนักและขนาดของสินค้า : สินค้าที่มีน้ำหนักและขนาดใหญ่มักจะต้องใช้คนยกเพิ่มเติมเนื่องจากการยกของด้วยมืออาจไม่เพียงพอหรือไม่ปลอดภัย เช่น การยกของหนักมากหรือขนาดใหญ่มากเกินไปที่จะยกโดยคนเดียวได้ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและบาดเจ็บจากการยกของที่หนักมาก การใช้คนยกเพิ่มเติมอาจจำเป็น
    ความซับซ้อนของกระบวนการ : กระบวนการโหลดและถอดสินค้าอาจมีความซับซ้อนและการจัดเตรียมที่ต้องใช้คนยกเพิ่มเติม เช่น การต้องจัดเรียงสินค้าในรถหรือการดำเนินการเชื่อมต่อสินค้ากับเครื่องยก
    ความปลอดภัยของการทำงาน : การใช้คนยกเพิ่มเติมอาจจำเป็นเพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัยในกระบวนการขนส่ง โดยมีผู้ควบคุมการยกของเพิ่มเติมเพื่อป้องกันอุบัติเหตุหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

ดังนั้น การใช้บริการรถหกล้อและจำนวนคนที่จำเป็นต้องใช้ในกระบวนการขนส่งสินค้านั้นจะขึ้นอยู่กับบริบทและเงื่อนไขที่แตกต่างกันไปในแต่ละสถานการณ์ การวางแผนและประเมินความเหมาะสมของจำนวนคนยกของเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้กระบวนการขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุด

การใช้รถหกล้อส่วนใหญ่มักจะมีการจัดการคนยกของอย่างน้อย 3 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่มักจะเหมาะสมสำหรับการโหลดและถอดสินค้าในสถานการณ์ทั่วไป มีคนควบคุมการโหลดสินค้าในรถ และมีคนสองคนที่ช่วยในกระบวนการยกของเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและเร็วกว่าการยกด้วยมือเพียงคนเดียว แต่ในบางกรณีที่สินค้ามีน้ำหนักหนักมากหรือมีความซับซ้อนในการโหลด การใช้คนยกเพิ่มเติมอาจจำเป็นตามความเหมาะสมของสถานการณ์และความปลอดภัยรถ 6 ล้อรับจ้าง

   
ลักษณะของคนยกที่ดี สำหรับการยกของ

คนยกที่ดีสำหรับการยกของต้องมีลักษณะที่เหมาะสมและมีความเชี่ยวชาญในงาน เพื่อให้กระบวนการขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย นี่คือลักษณะที่ควรมีของคนยกที่ดี

    ความแข็งแรงและความพร้อมทางกาย : คนยกที่ดีควรมีสมรรถนะทางกายที่เพียงพอในการยกของที่มีน้ำหนักหนัก ซึ่งต้องมีความแข็งแรงและพร้อมทางกายเพียงพอเพื่อที่จะทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
    ความรอบคอบและมีความสนใจ : คนยกที่ดีควรมีความรอบคอบในการทำงานและสนใจในรายละเอียดของงาน โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและการจัดการสินค้าอย่างเหมาะสม
    ทักษะการสื่อสาร : ทักษะการสื่อสารที่ดีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนยกที่ต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น การสื่อสารอย่างชัดเจนและเข้าใจกันเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงขณะทำงาน
    ความชำนาญในการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ : คนยกที่ดีควรมีความชำนาญในการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ช่วยยก รวมถึงการรู้จักใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายเพื่อป้องกันอุบัติเหตุในการทำงาน
    ความรับผิดชอบ : คนยกที่ดีควรมีความรับผิดชอบในการดำเนินงานของตนเองและความปลอดภัยของผู้อื่นที่อาจได้รับอันตรายจากงานที่ทำ
    ความสามารถในการทำงานร่วมกับทีม : การทำงานร่วมกับทีมมีความสำคัญอย่างมากในกระบวนการขนส่งสินค้า คนยกที่ดีควรมีความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นในทีมอย่างเชี่ยวชาญและเต็มใจในการช่วยเหลือกัน

การเลือกคนยกที่มีลักษณะเหล่านี้จะช่วยให้กระบวนการขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยมีผลต่อผลลัพธ์และประสิทธิภาพของการทำงานทั้งหมดขนย้ายเครื่องจักร

เชื่อมั่นได้เลย! ทีมของเราพร้อมที่จะช่วยคุณขนส่งสินค้าของคุณอย่างปลอดภัย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เมื่อคุณเลือกใช้บริการรถรับจ้างของเรา คุณจะได้รับประสบการณ์ที่น่าทึ่งตลอดการขนส่ง!

เราเสนอ บริการรถรับจ้างขนย้ายขอนแก่น ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่หรือเล็ก และทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้น เรามีทีมงานคุณภาพที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่จะช่วยคุณให้การขนส่งของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ความปลอดภัยของสินค้าของคุณเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญอย่างสูง เราใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัยเพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าสินค้าของคุณจะถึงที่หมายอย่างปลอดภัยและไม่เสียหาย

นอกจากนี้ เรายังมีบริการลูกค้าที่เป็นเอกลักษณ์ที่จะดูแลคุณตลอดทาง ไม่ว่าจะเป็นการให้คำแนะนำในการเลือกบริการที่เหมาะสมสำหรับคุณ หรือการตอบสนองต่อความต้องการพิเศษของคุณ เราพร้อมที่จะให้บริการอย่างเต็มที่เพื่อความพึงพอใจของคุณ

เมื่อคุณเลือกใช้บริการของเรา คุณจะได้รับประสบการณ์การขนส่งที่ไม่เพียงแต่มีคุณภาพ แต่ยังสร้างความประทับใจที่ยากจะลืมให้กับคุณอีกด้วย มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางที่ยอดเยี่ยมกับเราได้แล้ววันนี้!

11
จัดฟันบางนา: การจัดฟันแบบใส ต่างจากการจัดฟันแบบทั่วไป อย่างไรบ้าง

หลายคนที่มีปัญหาในเรื่องของรูปร่างและลักษณะของฟัน ก็เลือกใช้วิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยวิธีการเข้ารับการจัดฟัน เพราะการจัดฟัน สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ซึ่งการจัดฟันนั้น ก็มีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ทั้งวิธีการรักษาและผลการรักษา การจัดฟันแบบใส่เครื่องมือแบบติดแน่น ที่หลายคนมักจะพบเห็นได้บ่อย เพราะเป็นการจัดฟันที่ได้รับความนิยมมากเช่นเดียว โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น เรียกได้ว่าเป็นเทรนยอดฮิตเลยทีเดียว แต่การจัดฟันในรูปแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะช่วยแก้ไขปัญหารูปร่างของฟันได้อย่างดี แต่ก็ยังมีข้อเสียก็คือ การจัดฟันแบบสวมใส่เหล็กจัดฟัน ก็จะทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันมีปัญหาในเรื่องของกลิ่นปากได้ง่าย เพราะด้วยเครื่องมือที่ติดแน่นก็อาจจะทำให้เศษอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวันอาจจะเข้าไปติดอยู่ในช่องปากได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นปากและการเกิดปัญหาฟันผุได้ ดังนั้น ผู้เข้ารับการจัดฟันจึงจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดช่องปากและฟันให้ดีเป็นพิเศษ และที่สำคัญควรที่จะใช้น้ำยาบ้วนปากร่วมด้วย เพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับกลิ่นปากและทำความสะอาดในส่วนที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง

นอกจากนี้ ในเรื่องของการรับประทานอาหาร ของผู้เข้ารับการจัดฟันแบบทั่วไป ก็จะต้องระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษด้วย เพราะเครื่องมือที่อยู่ภายในช่องปากของเราอาจจะเกิดการหลุดขณะรับประทานอาหารด้วย ดังนั้น เราควรเลือกรับประทานอาหารที่มีความอ่อนนุ่ม เพื่อป้องกันปัญหาการหลุดของเครื่องมือ  นี่ถือเป็นปัญหาคร่าวๆที่ผู้เข้ารับการจัดฟันมักจะพบเจอได้บ่อย แต่ขณะเดียวกัน ในวงการทันตกรรมก็มีการจัดฟันอีกหนึ่งรูปแบบนั่นก็คือ การเข้ารับการจัดฟันแบบใส ซึ่งเป็นการจัดฟันที่มีประสิทธิภาพมาก เพราะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราน้อยมาก จนแทบจะใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยทีเดียว

วันนี้ทางคลินิก เราจะมาพูดถึงความแตกต่างของการเข้ารับการจัดฟันแบบใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบติดแน่นกับการเข้ารับการจัดฟันแบบใส ว่ามีข้อแตกต่างอย่างไรบ้าง เผื่อใครที่อยากจะเข้ารับการจัดฟันและกำลังจะตัดสินใจว่าจะเข้ารับการจัดฟันในรูปแบบไหนดี เพื่อให้เหมาะสมกับไลพ์สไตล์ของเราและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เรากลับมามีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงปัญหาของผู้เข้ารับการจัดฟันทั้งสองรูปแบบ เริ่มจากการจัดฟันแบบทั่วไป ที่มีเหล็กจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ก็มีเรื่องของเครื่องมือที่อยู่ภายในช่องปาก ที่อาจจะทำให้เรามีปัญหาในเรื่องของการพูด การออกเสียง อาจจะทำให้พูดไม่ชัด ทำให้เสียบุคลิกภาพได้ แต่ในการจัดฟันแบบใส ปัญหาเหล่านี้แทบจะไม่เกิดขึ้นเลย

เพราะ เครื่องมือการจัดฟันแบบใส จะถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคลเพื่อให้สวมใส่เครื่องมือได้อย่างพอดี   แต่ก็มีข้อเสียนั่นก็คือ ด้วยการที่จัดฟันแบบใส สามารถถอดออกได้ อาจจะทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันเผลอลืมเครื่องมือ เสี่ยงต่อการสูญหายได้ ดังนั้น ความต่างอีกอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ เรื่องของเครื่องมือที่สามารถถอดออกได้ ทำให้สามารถรับประทานอาหารได้อย่างเต็มที่กว่าผู้เข้ารับการจัดฟันแบบทั่วไปที่จะต้องระวัดระวัง ส่วนในเรื่องของการทำความสะอาด ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถทำความสะอาดได้อย่างเต็มที่ เพราะสามารถถอดเครื่องมือออกได้ จึงทำให้สามารถแปรงฟันได้ทุกซอกทุกมุม เสริมสร้างในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันอีกด้วย ป้องกันการเกิดฟันผุและปัญหาฟันในเรื่องอื่นๆด้วย เพียงเท่านี้เราก็จะเห็นความแตกต่างของการจัดฟันแบบทั่วไปและการจัดฟันแบบใสแล้ว เพราะมีความต่างอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและได้รับการรับรองสูงสุดจาก Invisalign ทำให้คลินิกของเรามีความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ ว่าจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาฟันของทุกคนด้วยมาตรฐานสากลและจะมีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน ช่วยทำให้คุณมีฟันที่เรียงตัวอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ มีรอยยิ้มที่มั่นใจมากยิ่งขึ้น

12
การตรวจท่อลมร้อน เพื่อหารอยรั่วหรือรอยชำรุด

การตรวจท่อลมร้อนเพื่อหารอยรั่วหรือรอยชำรุดเป็นสิ่งสำคัญในการบำรุงรักษาระบบระบายอากาศ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยมีวิธีการตรวจดังนี้:

1. การตรวจสอบด้วยสายตา
รอยแตกหรือรอยร้าว: ตรวจสอบท่อลมอย่างละเอียดเพื่อหารอยแตกหรือรอยร้าว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าท่อลมอาจมีการรั่วซึม
รอยต่อที่ไม่สนิท: ตรวจสอบรอยต่อระหว่างท่อลมและข้อต่อต่างๆ ว่ามีการเชื่อมต่อกันอย่างสนิทหรือไม่ หากพบช่องว่างหรือรอยแยก แสดงว่าอาจมีการรั่วซึม
รอยคราบหรือรอยเปื้อน: ตรวจสอบบริเวณรอบๆ ท่อลมเพื่อหารอยคราบหรือรอยเปื้อน ซึ่งอาจเกิดจากการรั่วซึมของอากาศที่มีความชื้นหรือสารเคมี

2. การตรวจสอบด้วยมือ
สัมผัสลมรั่ว: ใช้มือสัมผัสบริเวณรอยต่อหรือรอยแตกของท่อลม เพื่อตรวจจับลมที่รั่วออกมา หากรู้สึกถึงลมที่พัดออกมา แสดงว่ามีการรั่วซึม
ตรวจสอบความร้อน: ใช้มือสัมผัสบริเวณท่อลมเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิ หากพบว่าบางบริเวณมีอุณหภูมิแตกต่างจากบริเวณอื่นอย่างชัดเจน แสดงว่าอาจมีการรั่วซึม

3. การตรวจสอบด้วยอุปกรณ์
เครื่องวัดความดัน: ใช้เครื่องวัดความดันเพื่อตรวจสอบความดันภายในท่อลม หากความดันลดลงอย่างผิดปกติ แสดงว่าอาจมีการรั่วซึม
เครื่องวัดการไหลของอากาศ: ใช้เครื่องวัดการไหลของอากาศเพื่อตรวจสอบปริมาณลมที่ไหลผ่านท่อลม หากปริมาณลมลดลงอย่างผิดปกติ แสดงว่าอาจมีการรั่วซึม
เครื่องตรวจจับรอยรั่ว: ใช้เครื่องตรวจจับรอยรั่ว (Leak Detector) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถตรวจจับการรั่วไหลของอากาศหรือก๊าซได้อย่างแม่นยำ

4. การตรวจสอบด้วยวิธีการอื่นๆ

การใช้ควัน: ปล่อยควันเข้าไปในท่อลม และสังเกตการเคลื่อนที่ของควัน หากควันไหลออกมาจากบริเวณที่ไม่ควร แสดงว่ามีการรั่วซึม
การใช้สบู่: ทาฟองสบู่บริเวณรอยต่อหรือรอยแตกของท่อลม หากมีฟองอากาศเกิดขึ้น แสดงว่ามีการรั่วซึม
การใช้เครื่องตรวจจับเสียงแบบอัลตราโซนิก: โดยการใช้เครื่องตรวจจับเสียงแบบอัลตราโซนิก จะสามารถค้นหาจุดรั่วไหลของอากาศอัดได้ตั้งแต่ขนาดเล็กระดับมิลลิเมตรไปจนถึงขนาดใหญ่ได้ แม้มีเสียงรอบข้างรบกวน
การทดสอบรอยรั่วของท่อลม Duct Leakage Test: คือการทดสอบท่อส่งลม โดยจะประกอบไปด้วยอุปกรณ์อย่าง Blower และ Inverter ที่คอยปรับรอบเพื่ออัดลมและแรงดันให้คงที่ตามที่ต้องการ และมีเครื่องมือวัดแรงดันและเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิของลมที่วิ่งผ่าน เพื่อใช้สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล รวมไปถึงเครื่องมือวัดอัตราการไหลเพื่อวิเคราะห์หาอัตราการรั่วไหลของท่อส่งลม

ควรตรวจสอบท่อลมร้อนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการรั่วซึม

หากพบรอยรั่ว ควรซ่อมแซมทันที เพื่อป้องกันการสูญเสียพลังงานและรักษาประสิทธิภาพของระบบ
ในการตรวจสอบท่อลมร้อน ควรระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย และสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม
การตรวจสอบการรั่วซึมของท่อลมร้อนอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในการบำรุงรักษาระบบระบายอากาศ เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

13
บริการทำความสะอาด: ไม้ม็อบถูพื้นแต่ละแบบ..มีจุดเด่นที่ต่างกัน

ไม้ม็อบถูพื้นเป็นตัวช่วยคู่ใจที่สำคัญในการทำความสะอาดสำหรับคุณแม่บ้าน ซึ่งหากเลือกใช้ไม้ม็อบถูพื้นที่เหมาะกับการใช้งาน จะช่วยทุ่นแรงและประหยัดเวลาในการทำความสะอาดไปได้มาก อยากให้คุณสนุกไปกับการทำงานบ้าน จึงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจุดเด่นที่แตกต่างกันของไม้ม็อบถูพื้นแต่ละแบบมาให้ไว้ในบทความนี้

ไม้สเปรย์ม็อบ

          ไม้ถูพื้นชนิดนี้สามารถทั้งกวาดและเช็ดได้สะดวกสบาย โดยที่ไม่ต้องนำตัวผ้าไปชุบน้ำและบิดอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากตัวผ้าที่ติดอยู่กับหัวไม้ถูกพื้นทำจากไมโครไฟเบอร์ จึงสามารถดักจับฝุ่นและสิ่งสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีกระบอกฉีดน้ำที่สามารถฉีดน้ำยาถูพื้นได้จากที่ตัวไม้ถูพื้นเลย โดยไม่จำเป็นต้องมีถังน้ำ จึงช่วยอำนวยความสะดวกและประหยัดเวลาในการทำความสะอาดได้ดี


ไม้ม็อบแบบหัวบิดผ้า

          ไม้ม็อบที่มีหัวบิดผ้าในตัว ช่วยให้คุณบีบน้ำออกจากผ้าให้พอหมาดหรือให้แห้งได้สะดวกและง่ายดาย โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าเศษฝุ่นหรือสิ่งสกปรกจะมาเลอะมือ และไม่เปลืองแรงในการบีบน้ำออกจากผ้า ช่วยให้การทำความสะอาดบ้านไม่เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย


ไม้ม็อบพร้อมถังปั่น

          ไม้ม็อบที่มาพร้อมถังปั่น เป็นไม้ม็อบอีกชนิดที่ไม่ต้องใช้มือบิดผ้า ไม่ต้องก้ม ๆ เงย ๆ หรือวุ่นวายกับการซักผ้าถูพื้นซ้ำ ๆ โดยผ้าที่หัวไม้ม็อบส่วนมากแล้วจะทำจากไมโครไฟเบอร์ จึงสามารถดูดซับน้ำ และจับสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการถูทำความสะอาดได้ทุกพื้นผิว และหัวไม้ม็อบเป็นรูปทรงกลม หมุนได้ 360 องศา ทำให้สามารถถูได้ง่าย ทำความสะอาดได้กว้างและทั่วถึงทุกซอกทุกมุม ส่วนถังใส่น้ำจะมีทั้งส่วนที่สามารถจุ่มน้ำยาถูพื้น และส่วนที่เป็นกลไกในการปั่นไม้ม็อบให้หมาดพร้อมใช้งาน ไม้ม็อบชนิดนี้จึงเป็นอีกตัวที่ช่วยตอบโจทย์ความสะดวกในการทำความสะอาดบ้านได้เช่นกัน


ไม้ม็อบดันฝุ่น

          การทำงานของไม้ม็อบดันฝุ่นเปรียบได้กับเครื่องดูดฝุ่น เพราะเมื่อถูพื้นในบริเวณที่มีฝุ่น ผ้าม็อบจะกักเก็บฝุ่นไว้ โดยไม่ต้องใช้น้ำและไม่ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย ซึ่งไม้ม็อบดันฝุ่นจะมีประสิทธิภาพมากเมื่อใช้ในบริเวณที่แห้ง และจะมีประสิทธิภาพดีขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับน้ำยาดันฝุ่น เป็นไม้ม็อบแบบที่เหมาะกับการใช้งานในที่กว้าง เช่น ห้างสรรพสินค้า สำนักงาน วิธีการใช้ที่ได้ผลดี ควรถูเป็นเลข 8 เพื่อเก็บพื้นที่ในการถูได้กว้าง


ไม้ม็อบถูพื้นแบบฟองน้ำ

          ไม้ม็อบแบบฟองน้ำสามารถกำจัดได้ทั้งคราบน้ำ คราบสกปรก หรือบริเวณที่น้ำท่วมขังให้แห้งไว ไม่ทิ้งคราบสกปรกไว้บนพื้นผิว ทำให้คุณประหยัดเวลา ประหยัดแรง และสามารถทำความสะอาดได้รวดเร็วขึ้น เพราะไม่ต้องออกแรงซับน้ำแล้วนำไม้ม็อบไปบิดน้ำทิ้งบ่อย ๆ เนื่องจากฟองน้ำมีคุณสมบัติซึมซับน้ำได้ดีเยี่ยม อีกทั้งระบบคันโยกที่ออกแบบมาเพื่อให้รีดน้ำได้หมาดโดยไม่ต้องออกแรงมาก


ไม้ม็อบคลิปล็อค

          ไม้ม็อบคลิปล็อคสามารถทำความสะอาดในพื้นที่กว้างและทุกสภาพพื้นผิว ซึ่งนิยมใช้กันตามห้างสรรพสินค้า หรือตามโรงงานอุตสาหกรรม

14
หมอออนไลน์: โรคพยาธิตัวจี๊ด (Gnathostomiasis)

โรคพยาธิตัวจี๊ดเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อพยาธิตัวจี๊ด*

พบได้บ่อยในผู้ที่มีประวัติชอบกินกุ้งหรือปลาน้ำจืด กบ เขียด ปู งู นก เป็ด ไก่ หนู หรือเนื้อสัตว์ดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ

*วงจรชีวิตของพยาธิตัวจี๊ด

ตัวจี๊ด (Gnathostoma spinigerum) โดยปกติพยาธิตัวเต็มวัย (ตัวแก่) จะอาศัยอยู่ในโพรงของก้อนทูมของกระเพาะอาหารของแมวและสุนัข ไข่พยาธิจะออกมาทางรูที่ติดต่อกับกระเพาะอาหาร และออกไปกับมูลของสัตว์เหล่านี้ ไข่จะเจริญและฟักเป็นพยาธิตัวอ่อนระยะที่ 1 ในน้ำ ซึ่งจะถูกกุ้งไร (cyclops) กิน แล้วเจริญต่อไปเป็นตัวอ่อนระยะที่ 2 ในกุ้งไร เมื่อสัตว์น้ำจืด สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์มีปีก หรือหนูกินกุ้งไร ตัวอ่อนของพยาธิก็จะเจริญต่อไปเป็นตัวอ่อนระยะที่ 3 ซึ่งเป็นระยะติดต่อ อาศัยอยู่ในกล้ามเนื้อของสัตว์เหล่านี้ ซึ่งถ้าถูกแมวหรือสุนัขกินเข้าไป ก็จะเจริญเป็นตัวแก่อาศัยอยู่ในก้อนทูมของกระเพาะอาหาร แต่ถ้าคนกินตัวอ่อนระยะที่ 3 ในสัตว์น้ำจืด สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์มีปีกหรือหนู พยาธิตัวอ่อนระยะที่ 3 ก็จะไม่อยู่ที่กระเพาะ แต่จะคืบคลานไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ใต้ผิวหนัง ช่องท้อง ปอด ตา หู สมอง ไขสันหลัง เป็นต้น ทำให้เกิดการอักเสบและเสียหายตามอวัยวะต่าง ๆ ได้

สาเหตุ

การติดต่อของโรคนี้เกิดจากการกินตัวอ่อนพยาธิตัวจี๊ดระยะติดต่อ ที่พบในกุ้งหรือปลาน้ำจืด กบ เขียด ปู งู นก เป็ด ไก่ หนู หรือเนื้อสัตว์ดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ

อาการ

ส่วนใหญ่จะพบว่าเป็นรอยบวมแดง ๆ ตึง ๆ ตามผิวหนัง อาจมีอาการคันหรือปวดจี๊ด ๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นเฉพาะแห่ง อาจเป็นส่วนไหนของร่างกายก็ได้ รอยบวมนี้จะมีขนาดไม่แน่นอน และเลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ เช่น บวมที่มือ แล้วค่อย ๆ เลื่อนไปที่แขน ไหล่ ปาก หน้า ตา จะบวมแห่งหนึ่งอยู่ 3-10 วัน (ชาวบ้านบางแห่งเรียกว่า โรคลมเพลมพัด) บางครั้งอาจมีไข้ขึ้น นอกจากนี้อาจมีอาการอื่น ๆ ตามลักษณะการไชตัวของพยาธิ เช่น

ถ้าตัวจี๊ดไชเข้าไขสันหลัง จะมีอาการปวดเสียวมากตามแขนขา แขนขาจะเป็นอัมพาต ปัสสาวะไม่ออก และท้องผูก

ถ้าตัวจี๊ดไชขึ้นสมอง จะมีอาการปวดศีรษะรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน คอแข็ง ซึม หมดสติ อาจถึงเสียชีวิตได้

ถ้าตัวจี๊ดไชเข้าลูกตา อาจทำให้ตาอักเสบ และตาบอดได้

ถ้าไชเข้าหู ทำให้ปวดหูอย่างมาก

ถ้าไชเข้าปอด ทำให้ปอดอักเสบ ปอดทะลุ มีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด หรือไอออกเป็นเลือด

ถ้าไชเข้าท้อง ทำให้มีก้อนในท้องเลื่อนที่ได้ อาจเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง หรือปวดคล้ายไส้ติ่งอักเสบได้

ภาวะแทรกซ้อน

เกิดการอักเสบและการทำลายของอวัยวะต่าง ๆ ที่ตัวจี๊ดไชผ่าน

แต่ถ้าไชเข้าอวัยวะสำคัญ เช่น ตา (ทำให้ตาบอด), ปอด (ทำให้ปอดอักเสบ ปอดทะลุ), ไขสันหลัง (ทำให้เป็นอัมพาต)

ถ้าไชเข้าสมอง อาจรุนแรงถึงเสียชีวิตได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ และจะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการเจาะเลือด (พบจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิล* ขึ้นสูง) ทำการทดสอบทางน้ำเหลือง (serologic test) เพื่อตรวจหาสารภูมิต้านทานต่อตัวจี๊ด และถ้าสงสัยตัวจี๊ดเข้าไขสันหลังหรือสมอง อาจต้องเจาะหลัง

*อีโอซิโนฟิล (eosinophil) เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ซึ่งปกติจะมีอยู่ประมาณร้อยละ 1-6 ของจำนวนเม็ดเลือดขาวทุกชนิดที่อยู่ในกระแสเลือด ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ หรือโรคพยาธิต่าง ๆ อาจมีอีโอซิโนฟิลขึ้นสูงถึงร้อยละ 20-80

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ให้การรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ และให้ยาฆ่าพยาธิ-อัลเบนดาโซล

2. ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง จะรับตัวไว้รักษาตัวในโรงพยาบาล และให้การแก้ไขตามอาการที่พบ

ถ้าตัวจี๊ดขึ้นมาอยู่ที่ผิวหนัง อาจรักษาด้วยการผ่านำตัวพยาธิออกมา

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีรอยบวมแดง ๆ ตึง ๆ ตามผิวหนัง มีขนาดไม่แน่นอนและเลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคพยาธิตัวจี๊ด ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 2-3 วัน
    มีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดหู ปวดตา ตามัว ตาบอด หายใจหอบ ปวดท้องมาก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซึม หรือไม่ค่อยรู้สึกตัว
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

    หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ เช่น ก้อย ยำ ส้มฟัก หรือการย่างที่ไม่สุกเต็มที่ โดยเฉพาะที่ทำจากกุ้ง ปลาน้ำจืด กบ เขียด ปู งู นก เป็ด ไก่ หนู เป็นต้น
    ดื่มน้ำสุกหรือน้ำสะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อพยาธิตัวจี๊ดที่ตกปนอยู่ในน้ำ
    ล้างอุปกรณ์ (เช่น เครื่องบดเนื้อ มีด เขียง) ที่ใช้เตรียมเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ให้สะอาด ป้องกันไม่ให้มีตัวพยาธิเปรอะเปื้อน
    ป้องกันตัวจี๊ดไชเข้ามือด้วยการล้างมือด้วยสบู่หลังเตรียมอาหารเนื้อสัตว์ ถ้าเป็นไปได้ควรใส่ถุงมือเวลาเตรียมอาหารประเภทนี้

ข้อแนะนำ

โรคนี้มักมีอาการบวมแดงที่ผิวหนัง และรักษาให้หายได้เป็นส่วนใหญ่ มีเพียงส่วนน้อยที่ตัวจี๊ดอาจไชเข้าอวัยวะสำคัญ ทำให้เกิดอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีอาการของโรคตัวจี๊ดที่ผิวหนัง ควรเฝ้าระวังดูอาการอย่างใกล้ชิด ถ้ามีอาการผิดปกติที่สงสัยว่าตัวจี๊ดอาจไชเข้าอวัยวะสำคัญ ก็ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว

ข้อสำคัญควรป้องกันไม่ให้รับอันตรายจากโรคนี้ด้วยการไม่กินเนื้อสัตว์ทุกชนิดแบบดิบ ๆ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ

15
โควิด-19 กับข้อควรรู้สำหรับคุณแม่ให้นมลูก

เชื่อว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 นั้นมีผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจของคนเราทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงอย่างคุณแม่ที่ต้องอยู่ใกล้ชิดและคอยให้นมลูกน้อยเป็นประจำ ซึ่งหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่คุณแม่ต้องเผชิญก็คือ การให้นมลูกและวิธีดูแลพวกเขาอย่างไรให้ปลอดภัย

แม้ว่าน้ำนมแม่จะเป็นแหล่งสารอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก ซึ่งจำเป็นอย่างมากต่อการเสริมสร้างพัฒนาการของลูกและยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ได้ ทว่าคุณแม่อาจเป็นกังวลและลังเลว่าควรจะให้นมลูกน้อยต่อไปหรือควรหยุดให้นมไปก่อน หากตัวเองหรือคนในครอบครัวเข้าข่ายสงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (SARS-CoV-2 หรือที่มักเรียกกันว่า COVID-19) และเสี่ยงกระจายเชื้อโรคไปสู่ลูกน้อย บทความนี้จะมาช่วยไขข้อข้องใจให้คุณแม่กัน

คุณแม่ติด COVID-19 ให้นมลูกได้หรือไม่

จริง ๆ แล้ว คุณแม่ที่เข้าข่ายสงสัยหรือเป็น COVID-19 ที่มีอาการไม่รุนแรงสามารถให้นมลูกต่อไปได้ เนื่องจากยังไม่พบรายงานหรือหลักฐานว่า เชื้อไวรัสนั้นแพร่กระจายผ่านทางน้ำนม เพียงแต่ต้องให้ความสำคัญกับการดูแลความสะอาดขณะให้นมและการป้องกันเชื้อโรคอย่างเคร่งครัด แต่ในกรณีที่คุณแม่มีอาการรุนแรง อาจต้องปั๊มน้ำนมแล้วให้ผู้ที่มีสุขภาพดีเป็นคนป้อนนมลูกแทน โดยอาจจะเป็นคุณพ่อหรือผู้ช่วย

ทั้งนี้ คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อนการตัดสินใจให้นมลูกด้วยตัวเอง เพื่อประเมินให้แน่ใจว่ามีประโยชน์ต่อลูกมากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ อีกทั้งยังควรขอคำแนะนำในการดูแลตัวคุณแม่และลูกน้อย วิธีให้นมอย่างปลอดภัย การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค รวมถึงข้อควรระวังอื่นใดที่คุณแม่และคนในครอบครัวควรรู้ด้วย     

 วิธีให้นมลูกอย่างปลอดภัยในช่วง COVID-19

การให้นมลูกจากเต้าตัวเองนั้นทำให้คุณแม่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับลูกมาก เด็กอาจเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อโรคผ่านทางอื่นได้ อาทิ สัมผัสมือแม่ที่ปนเปื้อนเชื้อแล้วนำเข้าปากหรือจับดวงตา สูดละอองเชื้อที่มาจากการไอของคุณแม่ นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมคุณแม่ถึงควรระมัดระวังอย่างมากขณะให้นม เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้ได้มากที่สุด

โดยทั้งคุณแม่ที่ให้นมด้วยตัวเองและคุณแม่ที่ให้ผู้ดูแลช่วยป้อนนมแทน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้

    ล้างมือด้วยน้ำและสบู่อย่างน้อย 20 วินาทีหรือแอลกอฮอล์ความเข้มข้นอย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์ ก่อนการให้นมและการใช้เครื่องปั๊มนม ขวดนม หรือจุกนม
    สวมหน้ากากอนามัยก่อนการป้อนนมเด็กหรือการใช้เครื่องปั๊มนมทุกครั้ง
    ล้างทำความสะอาดเครื่องปั๊มนม ขวดนม หรือจุกนมทั้งก่อนและหลังการใช้งาน
    ควรปั๊มนมให้ลูกดื่มทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง หรือประมาณ 6-10 ครั้งต่อวัน เพื่อกระตุ้นให้เต้านมผลิตน้ำนมและป้องกันปัญหาท่อน้ำนมอุดตันและเต้านมติดเชื้อ
    ไม่ใช้เครื่องปั๊มนม ขวดนม และจุกนมร่วมกับคุณแม่และเด็กคนอื่น ๆ
    ผู้ที่ป้อนนมแทนคุณแม่ควรมีสุขภาพดี ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงติดเชื้อหรือติดเชื้อ COVID-19 มาก่อน และควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม การระมัดระวังและหมั่นป้องกันการกระจายเชื้อโรคถือเป็นสิ่งสำคัญที่คุณแม่ติด COVID-19 หรือโรคติดเชื้ออื่น ๆ ควรปฏิบัติและจำให้ขึ้นใจ เพราะคงไม่มีคุณแม่คนไหนอยากให้ลูกป่วยไปด้วยเป็นแน่ และหากมีความผิดปกติหรือรู้สึกไม่สบายก็ควรไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะได้ตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาให้หายดีโดยเร็ว

หน้า: [1] 2 3 ... 46
ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google โฆษณาฟรี ประกาศฟรี ขายฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว โปรโมทเว็บไซต์ฟรี