โรคลำไส้แปรปรวน (lrritable bowel syndrome/IBS)* (กลุ่มอาการลำไส้ไวต่อสิ่งเร้า ไอบีเอส ก็เรียก) เป็นภาวะที่ลำไส้ทำหน้าที่ผิดปกติ โดยไม่มีพยาธิสภาพหรือความผิดปกติของโครงสร้างลำไส้ และโรคทางกายอื่นใด ก่อให้เกิดอาการปวดท้อง มีลมในท้องมาก ร่วมกับท้องเดินหรือท้องผูกแบบเรื้อรัง จัดว่าเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของอาการท้องเดินเรื้อรัง ในกลุ่มประเทศตะวันตกพบโรคนี้ประมาณร้อยละ 10-20 ของคนทั่วไป ส่วนในบ้านเราจากการศึกษาเบื้องต้นพบประมาณร้อยละ 7 ของคนทั่วไป และพบประมาณร้อยละ 10-30 ของผู้ที่มีอาการท้องเดินเรื้อรังที่มาพบปรึกษาแพทย์
โรคนี้พบได้ในคนทุกวัย ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยสูงอายุ ส่วนใหญ่มักจะเริ่มมีอาการครั้งแรกตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป พบมากในช่วงอายุ 30-50 ปี และหลังอายุ 60 ปีจะพบน้อยลง พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 1.5-3 เท่า และพบว่าผู้ที่มีประวัติโรคลำไส้แปรปรวนในครอบครัวมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าคนปกติทั่วไปประมาณ 2-3 เท่า
โรคนี้แม้จะมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เป็นแรมปีหรือตลอดชีวิตก็ไม่มีภาวะแทรกซ้อน หรือกลายเป็นโรคร้ายแรงแต่อย่างใด ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีสุขภาพแข็งแรงและทำงานได้เป็นปกติ
*แต่เดิมมีชื่อเรียกต่าง ๆ เช่น mucoid colitis, spastic colon, spastic bowel, irritable colon
สาเหตุ
โรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เชื่อว่าเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น กรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม สภาพจิตใจ การเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในลำไส้ของผู้ป่วย (มีชนิดและจำนวนจุลินทรีย์ที่แตกต่างจากคนปกติ) ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบประสาท ระบบฮอร์โมน และสารเคมีต่าง ๆ (เช่น พรอสตาแกลนดิน ซีโรโทนิน แบรดิไคนิน เป็นต้น) ที่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ของลำไส้ใหญ่ ทำให้ลำไส้ใหญ่ทำหน้าที่ผิดปกติไป กล่าวคือ ลำไส้ใหญ่มีความไวต่อสิ่งกระตุ้น (ได้แก่ ความเครียด อาหารบางชนิด) มีการเคลื่อนตัวเร็วกว่าปกติ (ทำให้ท้องเดิน) หรือช้ากว่าปกติ (ทำให้ท้องผูก) และมีการบีบตัวมากกว่าปกติ (ทำให้ปวดท้อง)
นอกจากนี้ยังพบว่า การติดเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ชักนำให้เกิดโรคนี้ได้ เรียกว่า โรคลำไส้แปรปรวนหลังติดเชื้อ (post-infectious IBS)
อาการ
มีลักษณะเฉพาะ คือ มีอาการปวดท้อง มีลมในท้อง ร่วมกับท้องเดิน ท้องผูก หรือท้องเดินสลับท้องผูก เป็น ๆ หาย ๆ เป็นแรมปี อาการเหล่านี้อาจเป็นต่อเนื่องทุกวัน หรือเป็นบางวันหรือบางช่วง ซึ่งนับรวม ๆ กันแล้วเป็นเวลามากกว่า 12 สัปดาห์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา อาการจะมีลักษณะและความรุนแรงมากน้อยแตกต่างกันในแต่ละคน หรือแต่ละช่วงเวลา ส่วนน้อยที่จะมีอาการมากจนผู้ป่วยต้องไปปรึกษาแพทย์
อาการปวดท้องมีลักษณะไม่แน่นอน อาจปวดบิดเกร็งเป็นพัก ๆ ปวดตื้อ ๆ ปวดแปลบ ๆ หรือแน่นอึดอัด ไม่สบายท้อง ส่วนใหญ่จะปวดบริเวณท้องน้อยข้างซ้าย (บางรายอาจปวดทั่วท้อง) อาการจะทุเลาทันทีหลังถ่ายอุจจาระหรือผายลม
ผู้ป่วยมักมีลมในท้องมาก ท้องอืด เวลาถ่ายอุจจาระมักมีลมออกมาด้วย
ในรายที่มีอาการท้องเดินเป็นอาการเด่น จะมีอาการถ่ายเป็นน้ำหรือถ่ายเหลวบ่อย (มากกว่า 3 ครั้ง/วัน) โดยมักมีอาการปวดท้องอยากถ่ายทันทีหลังกินอาหาร โดยเฉพาะมื้อที่กินอาหารหลังปล่อยให้ท้องว่างมานาน (เช่น มื้อเช้า) กินอาหารมาก กินเร็ว ๆ หรือกินอาหารชนิดที่กระตุ้นให้เกิดอาการ ผู้ป่วยจะปวดท้องถ่ายแบบกลั้นไม่อยู่ ต้องเข้าห้องน้ำทันที บางรายอาจมีอาการเหมือนถ่ายอุจจาระไม่สุด อยากถ่ายบ่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งถ่ายไปไม่นาน โดยทั่วไปมักถ่าย 1-3 ครั้งหลังอาหารบางมื้อ แล้วหายเป็นปกติ อาการไม่รุนแรง ไม่มีคลื่นไส้ อาเจียน ไม่มีภาวะขาดน้ำ และส่วนใหญ่หลังเข้านอนแล้วมักจะไม่ต้องลุกขึ้นมาถ่ายอุจจาระจนกระทั่งรุ่งเช้า
ข้อมูลโรค: โรคลำไส้แปรปรวน (lrritable bowel syndrome/IBS) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions